หน้าที่ 115
"หน้าที่ของฉันมันแทบไม่เหลืออีกแล้วล่ะ" มันคือความจริงอันแสนเจ็บปวดที่มาพร้อมกับความดีใจ เซนะนั้นจากตอนเด็กจนมาถึงตอนนี้ได้ต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน เธอได้พัฒนาฝีมือขึ้นจนอาจารย์อย่างพิเกียแทบจะไม่จำเป็น
ยิ่งเธอเติบโตมากยิ่งขึ้นเท่าไรหน้าที่ของพิเกียก็จะค่อยๆหมดลงจนในที่สุดเขาก็จะไม่จำเป็นสำหรับเซนะอีกต่อไป
เพราะงั้นเขาถึงจะไปจากเซนะเองซึ่งมันอาจจะดีกว่าการถูกเซนะบอกว่าไม่จำเป็นในภายภาคหน้าสักเอง แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องบรรลุภารกิจสุดท้ายนั่นก็คือการส่งเซนะไปให้ถึงพ่อของเธออย่างปลอดภัยเสียก่อน
"เวลาของฉันคงเหลืออีกไม่มากแล้วล่ะเธอรีบไปเตรียมตัวสำหรับศึกตัวแทนจักรวาลดีกว่านะเซนะ"
"พิเกียจะไปจริงๆอย่างนั้นหรอ... "
"ใช่แล้ว ฉันไปแน่" เธอถึงกับกำหมัดแน่น เธออยากจะห้ามพิเกียแต่ก็รู้อีกว่าห้ามไม่ได้เพราะงั้นตอนนี้เธอจึงต้องถอย ถอยไปก่อน
"เข้าใจแล้วฉันขอตัวก่อนนะ"
เธอเดินออกมาจากตรงนั้น เดินผ่านอุย ผ่านยูกะ...
จนออกจากห้องนั้นไปในที่สุด
ในระหว่างที่เดินผ่านเธอไม่แม้แต่จะสบตากับใครทั้งสิ้นภายใต้ผมที่บังอยู่นั้นอุยได้เหลือบไปเห็นน้ำตาของสาวน้อยไหลปริ่มออกมาเพียงเสี้ยววิ ในฐานะอาจารย์เธอเจ็บปวดไม่น้อยกับการที่เห็นลูกศิษย์ตัวเองต้องมาเจ็บปวดขนาดนี้ เธอเป็นเพียงแค่เด็กอายุ 13 เองแท้ๆ และที่สำคัญเซนะคือลูกศิษย์คนพิเศษของเธอเพราะงั้นเธอจึงเริ่มทำอะไรสักอย่างเพื่อเปลี่ยนผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น นี่ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเธอแต่เป็นเพราะความรักอีกเช่นกัน
พลังในการมองเห็นอนาคต Eyes the future พลังนี้มีเพียงผู้สืบสายเลือดแท้ของมิโกะเท่านั้นที่จะมีได้ซึ่งก่อนหน้านี้เซนะในเวอร์ชั่นร่างความคิดก็ได้โชว์ไปแล้วในศึกของเหล่าราชันย์ อุยเองก็ตกใจอยู่นิดนึงเหมือนกันตอนที่รู้ว่าเซนะเองก็มีเหมือนกันเพราะว่าเธอเองก็ไม่เคยจะเห็นผู้สืบสายเลือดแท้นอกจากเธอมาก่อนเลยสักคนเดียว
ช่วงเวลาที่เซนะเดินผ่านพลังของเธอก็ได้ทำงานมันแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เธอที่เห็นมันจึงหาอนาคตใหม่จากอนาคตนับล้านๆที่ยังพอมีความเป็นไปได้
หากปัจจุบันคือตรงลำต้นของต้นไม้อนาคตใหม่ก็คือกิ่งก้านของต้นไม้ซึ่งจากกิ่งก้านทั้งหมดนั้นจะมีอยู่กิ่งนึงที่จะเป็นเส้นทางที่เธอต้องการ ในไม่ช้าเธอก็ได้พบกับมันจนได้
อนาคตแบบ happy ที่เธอต้องการมัน
แต่ก่อนที่จะได้ผลลัพธ์นั้นเธอจะต้องเตรียมการมันก่อนซึ่งในที่นี้คือการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนี้ให้ได้เสียก่อน
"นายคงจะไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้นหรอกใช่ไหมพิเกีย เด็กคนนั้นรักนายในฐานะของคนรักนะ แค่นี้นายก็น่าจะดูออกใช่ไหม"
อุยได้บ่นเสียงดังก่อนจะเอาหน้าฟุบลงกับโต๊ะอีกครั้ง
"หมายความว่าไงอ่ะ!?" นกน้อยได้หันตัวมาทางอุยด้วยสีหน้าตกตระลึง อุยที่เห็นใบหน้านั้นจึงถอนใจเฮือกใหญ่ดังๆก่อนจะตอบคำถามนั้น
เฮ้อ~! ผู้ชายนี่ก็ซื่อบื้อกันจัง
"เซนะรักนายไง"
"จริงอ่ะ???"
"จริงสิ ไม่มีผู้หญิงคนไหนมองไม่ออกหรอกนะฉันว่าที่เซนะเดินจากเธอไปเมื่อกี้นี้ไม่ใช่เพราะว่าถอดใจแต่ตรงกันข้ามเธอถอยไปตั้งหลักเพื่อเตรียมพร้อมจะหยุดนายยังไงล่ะ"
"นี่เซนะรักกับฉันเนี่ยนะบ้าไปแล้ว~!"
"รสนิยมคนเราก็ไม่เหมือนกันเอาเป็นว่านายเตรียมใจให้ดีละกันเพราะในเวลาที่สาวน้อยกำลังทำอะไรสักอย่างเพื่อความรักเธอจะแข็งแกร่งขึ้นมากจนน่ากลัวเลยล่ะ"
อุยได้พูดทิ้งท้ายก่อนจะสลบเหมือดไป ดูเหมือนว่าเมื่อคืนเธอจะไม่ได้นอนเพราะปั่นเอกสารจนโต้รุ่งเพราะงั้นในช่วงงานเทศกาลที่ไม่ได้สอนเนี่ยแหละเธอถึงแอบเนียนๆหลับได้แต่นั่นก็แค่ส่วนหนึ่งอีกส่วนก็คือการที่ทำให้พิเกียสงสัยแต่ก็ไม่สามารถถามต่อไปได้ และในไม่ช้าพิเกียก็จะบินออกไปจากห้องนี้...
พวกเธอโชคดีนะที่มีฉันเป็นอาจารย์....
วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2561
หน้าที่ 114
สาวน้อยได้เดินมายืนพิงหน้าต่างพร้อมกับมองท้องฟ้าเหมือนกับพิเกีย เธอได้ยินทุกๆอย่างและนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอมาอยู่ตรงนี้
"แอบฟังอย่างนั้นหรอ"
"อื้ม.."
"ตั้งแต่ตอนไหนล่ะ"
"ตั้งแต่แรกเลย" สายลมอ่อนๆได้พัดผมของเธอจนปลิวไสวไปมา ในตอนนี้ใบหน้าของเธอได้ดูเท่ขึ้นหล่อขึ้นมากกว่าเดิมซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะเธอเป็นตัวของตัวเองแล้วก็ได้
"ฉันไม่เคยสอนให้เป็นคนแอบฟังชาวบ้านเขานะ"
"งั้นพิเกียก็เลิกพูดลับหลังฉันแล้วมาพูดกับฉันตรงๆสิ"
"นิสัยนี้ได้มาจากแม่เธอเต็มๆเลยนะ"
"เรื่องนั้นชั่งมันเถอะ"
"ช่างไม่ได้หรอกเซนะนั่นคือพ่อแม่จริงๆของเธอเลยนะ"
"นั่นแหละถึงบอกให้ชั่งมัน ฉันน่ะนะไม่สนใจพวกเขาหรอก"
ปากไม่ตรงกับใจ นกน้อยได้แต่ทำสีหน้าเอือมระอาให้กับเธอและดูเหมือนเธอจะรู้อยู่แล้วว่าเขามองออกจึงหลุดหัวเราะออกมา
"ฉันคงโกหกไม่เก่งสินะ"
"ห่วยแตกเลยล่ะ" คราวนี้เป็นตาของพิเกียที่หัวเราะออกมา
ทั้งสองต่างรู้ทุกอย่างของกันและกันดีสักยิ่งกว่าของตนเองเสียอีก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะความสัมพันธ์อันแสนวิเศษที่ยิ่งกว่าของเทียร์กับเซนะเสียอีก
"นี่พิเกียไม่ต้องไปจากฉันหรอกนะ"
"ลูกผู้ชายพูดแล้วต้องไม่คืนคำสิ"
"ขอแค่ครั้งจะได้ไหม..."
"ถ้าฉันพาเธอไปหาพ่อของเธอได้สำเร็จหน้าที่ทั้งหมดของฉันก็จบลงแล้วเพราะงั้นฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่กับเธอเซนะ"
"ฉันรักพิเกียนะ"
"รักแบบเพื่อนสินะ ฉันรู้ทัน"
มีเพียงแค่ตรงนี้เท่านั้นที่พิเกียยังไม่รู้ตัว ตลอดมาเซนะนั้นไม่เคยพูดเรื่องความรักเลยหากไม่นับรวมของโซเฟียที่เป็นรักแบบพี่น้องครอบครัว
ของพิเกียนั้นจึงเป็นรักแรกที่แท้จริง
เธอรักพิเกีย...
แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัว คงเพราะพิเกียรักเซนะแบบเป็นลูกสาวมากกว่าจึงทำให้ความรู้สึกของเซนะยังส่งไปไม่ถึง ซึ่งมันตรงกันข้ามกับคนอื่นๆที่อยู่ในห้องนี้
ยูกะนั้นเข้าใจทันทีถึงเหตุผลทุกอย่าง เซนะในตอนนี้ไม่มีความทรงจำเพราะงั้นความรู้สึกของเธอจึงไม่โกหกอย่างแน่นอน หากเป็นอย่างนั้น
การกระทำทุกอย่างของเซนะที่เอาใจใส่พิเกียจึงเป็นความรักไม่ผิดแน่ เพราะงั้นเธอจึงแต่งตั้งให้พิเกียเป็นถึงผู้พิทักษ์ตั้งแต่ตอนถือกำเนิด รวมถึงให้เป็น duo ประจำตัวของตนอีกด้วย
ถึงจะไม่อยากจะเชื่อแต่เธอก็ต้องฝืนเชื่อ
เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง....
ทางด้านคนอื่นๆเองก็มีไฟแห่งความอิจฉาผุดขึ้นจนอุยยังสะดุ้ง จะ ใจเย็นๆนะทุกคน...
(ไอเจ้าความรู้สึกช้า!,องค์หญิงเอาจริงดิ!?,เซนะม๊ายยยย~!,
นกจริงๆ...,เกมพลิกเลย,ลูกจะหน้าตาเป็นยังไงนะ???,OMG~!,...,)
ความรู้สึกต่างๆของคนในห้องนั้นหลากหลายแต่โดยรวมส่วนมากจะเป็นการอิจฉาพิเกียที่ได้ความรักจากสาวงามน่ารักอย่างเซนะถึงแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงด้วยกันแต่พวกเธอก็ยังเกิดความอิจฉาพิเกียอยู่ดี ตัดมาทางเซสึนะที่เอาแต่ยิ้มให้กับเซนะความจริงคือเขาก็รู้สึกอิจฉาพิเกียอยู่นิดๆแต่เพราะเซนะมีความสุขเขาจึงยินดีกับเธอด้วย
สาวน้อยได้เดินมายืนพิงหน้าต่างพร้อมกับมองท้องฟ้าเหมือนกับพิเกีย เธอได้ยินทุกๆอย่างและนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอมาอยู่ตรงนี้
"แอบฟังอย่างนั้นหรอ"
"อื้ม.."
"ตั้งแต่ตอนไหนล่ะ"
"ตั้งแต่แรกเลย" สายลมอ่อนๆได้พัดผมของเธอจนปลิวไสวไปมา ในตอนนี้ใบหน้าของเธอได้ดูเท่ขึ้นหล่อขึ้นมากกว่าเดิมซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะเธอเป็นตัวของตัวเองแล้วก็ได้
"ฉันไม่เคยสอนให้เป็นคนแอบฟังชาวบ้านเขานะ"
"งั้นพิเกียก็เลิกพูดลับหลังฉันแล้วมาพูดกับฉันตรงๆสิ"
"นิสัยนี้ได้มาจากแม่เธอเต็มๆเลยนะ"
"เรื่องนั้นชั่งมันเถอะ"
"ช่างไม่ได้หรอกเซนะนั่นคือพ่อแม่จริงๆของเธอเลยนะ"
"นั่นแหละถึงบอกให้ชั่งมัน ฉันน่ะนะไม่สนใจพวกเขาหรอก"
ปากไม่ตรงกับใจ นกน้อยได้แต่ทำสีหน้าเอือมระอาให้กับเธอและดูเหมือนเธอจะรู้อยู่แล้วว่าเขามองออกจึงหลุดหัวเราะออกมา
"ฉันคงโกหกไม่เก่งสินะ"
"ห่วยแตกเลยล่ะ" คราวนี้เป็นตาของพิเกียที่หัวเราะออกมา
ทั้งสองต่างรู้ทุกอย่างของกันและกันดีสักยิ่งกว่าของตนเองเสียอีก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะความสัมพันธ์อันแสนวิเศษที่ยิ่งกว่าของเทียร์กับเซนะเสียอีก
"นี่พิเกียไม่ต้องไปจากฉันหรอกนะ"
"ลูกผู้ชายพูดแล้วต้องไม่คืนคำสิ"
"ขอแค่ครั้งจะได้ไหม..."
"ถ้าฉันพาเธอไปหาพ่อของเธอได้สำเร็จหน้าที่ทั้งหมดของฉันก็จบลงแล้วเพราะงั้นฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่กับเธอเซนะ"
"ฉันรักพิเกียนะ"
"รักแบบเพื่อนสินะ ฉันรู้ทัน"
มีเพียงแค่ตรงนี้เท่านั้นที่พิเกียยังไม่รู้ตัว ตลอดมาเซนะนั้นไม่เคยพูดเรื่องความรักเลยหากไม่นับรวมของโซเฟียที่เป็นรักแบบพี่น้องครอบครัว
ของพิเกียนั้นจึงเป็นรักแรกที่แท้จริง
เธอรักพิเกีย...
แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัว คงเพราะพิเกียรักเซนะแบบเป็นลูกสาวมากกว่าจึงทำให้ความรู้สึกของเซนะยังส่งไปไม่ถึง ซึ่งมันตรงกันข้ามกับคนอื่นๆที่อยู่ในห้องนี้
ยูกะนั้นเข้าใจทันทีถึงเหตุผลทุกอย่าง เซนะในตอนนี้ไม่มีความทรงจำเพราะงั้นความรู้สึกของเธอจึงไม่โกหกอย่างแน่นอน หากเป็นอย่างนั้น
การกระทำทุกอย่างของเซนะที่เอาใจใส่พิเกียจึงเป็นความรักไม่ผิดแน่ เพราะงั้นเธอจึงแต่งตั้งให้พิเกียเป็นถึงผู้พิทักษ์ตั้งแต่ตอนถือกำเนิด รวมถึงให้เป็น duo ประจำตัวของตนอีกด้วย
ถึงจะไม่อยากจะเชื่อแต่เธอก็ต้องฝืนเชื่อ
เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง....
ทางด้านคนอื่นๆเองก็มีไฟแห่งความอิจฉาผุดขึ้นจนอุยยังสะดุ้ง จะ ใจเย็นๆนะทุกคน...
(ไอเจ้าความรู้สึกช้า!,องค์หญิงเอาจริงดิ!?,เซนะม๊ายยยย~!,
นกจริงๆ...,เกมพลิกเลย,ลูกจะหน้าตาเป็นยังไงนะ???,OMG~!,...,)
ความรู้สึกต่างๆของคนในห้องนั้นหลากหลายแต่โดยรวมส่วนมากจะเป็นการอิจฉาพิเกียที่ได้ความรักจากสาวงามน่ารักอย่างเซนะถึงแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงด้วยกันแต่พวกเธอก็ยังเกิดความอิจฉาพิเกียอยู่ดี ตัดมาทางเซสึนะที่เอาแต่ยิ้มให้กับเซนะความจริงคือเขาก็รู้สึกอิจฉาพิเกียอยู่นิดๆแต่เพราะเซนะมีความสุขเขาจึงยินดีกับเธอด้วย
หน้าที่ 113
สายตาของยูกะนั้นเริ่มกดดันพิเกียมากขึ้น มันทำให้เจ้าตัวเริ่มยั๊วะ!
"แล้วอะไรที่ทำให้เธอคิดแบบนั้น ตอบไม่ดีเรื่องไม่จบง่ายๆแน่!"
"นายปล่อยให้เซนะเผชิญอันตรายมาคนเดียวกี่ครั้งแล้วล่ะ"
"ประมาณ 2-3 ครั้งได้มั้ง!"
"คำตอบก็คือ 1,097 ครั้ง!"
( What~!!! )
ที่พิเกียอึ้งไม่ใช่ตัวเลขที่มากแสนมากแต่เป็นการที่ยูกะเอาเวลาไหนไปนับต่างหากที่ทำให้เจ้าตัวถึงกับอึ้ง ที่สำคัญคือเธอรู้ได้ไงและรู้มาจากไหน~!
"หน้าที่ของ duo คือการปกป้องผู้เป็นนายแต่นายกับปล่อยให้เซนะไปสู้ตามลำพังเหตุผลแค่นี้พอไหม" เธอกดดันด้วยสายตาหนักขึ้น
เธอเตรียมคำตอบที่จะใช้ตอบทุกข้ออ้างของพิเกียเอาไว้หมดแล้ว ขอเพียงแค่พิเกียเถียงต่อเธอก็จะตอกกลับไปด้วยเหตุผลทุกอย่างซึ่งแน่นอนว่ามันคือเรื่องจริง ใน duo พวกเดียวกันกลับเธอไม่มีใครเลยที่สามารถเถียงชนะยูกะลงได้ ยกเว้นเซนะในอดีตที่เธอไม่กล้าจะไปเถียงด้วย
ทั้งห้องได้เข้าสู่ความเงียบเพื่อรอฟังคำพูดของพิเกียต่อจากนี้ นกน้อยสีขาวจากตอนแรกที่ดูเกรี้ยวกราดในตอนนี้ได้เงียบและสงบลงจนดูน่าขนลุก
และไม่นานนักหลังจากที่เงียบไปนกน้อยก็ได้พูดขึ้น
"เกินพอเลยล่ะ.. "
คราวนี้เป็นตาของยูกะที่ต้องตกใจแทน สถานการณ์นี้ในความคิดของเธอมันไม่เคยมีอยู่ในหัว เพราะความที่ไม่ชอบเธอจึงคอยเฝ้ามองพิเกียอยู่เสมอมาซึ่งนั่นจึงทำให้เธอรู้นิสัยของพิเกียทั้งหมด หากเป็นสถานการณ์เมื่อกี้นี้พิเกียจะต้องเถียงต่อแท้ๆ แต่ไม่! เขากับยอมรับมัน!!!
นกน้อยได้บินมายืนเกาะอยู่ตรงหน้าต่างที่เปิดอยู่ก่อนจะแหงนมองท้องฟ้าอย่างคิดถึง
"หน้าที่ของฉันคือการปกป้องเซนะนั่นคือคำสั่งที่ฉันได้รับมาจากพ่อของเธอ จนตอนนี้เธออายุได้ 13 เจ้าบ้านั่นก็ยังไม่มาหาลูกตัวเองสักครั้ง ฉันเองก็พอจะรู้ว่ามันลำบากหากเจ้าหมอนั่นปรากฏตัวขึ้นจริงๆ แต่ฉันก็หวังที่จะให้เซนะได้เจอกับพ่อของตัวเองสักครั้ง พอถึงตอนนั้นฉันก็จะไปจากเซนะเอง.... "
สายลมได้พัดผ่านร่างของนกน้อยจนขนนั้นปลิวไสวไปมา
พิเกียไม่ใช่ว่าจะไม่ทำอะไรเลยแต่แค่เขาไม่สามารถทำมันได้ก็เท่านั้นล่าสุดสงครามของเหล่าราชันย์ตัวเขาเองก็รู้เรื่อง แต่เพราะคำสั่งเขาจึงไม่สามารถเข้าไปช่วยเซนะสู้ได้เลย
ตัวเขาที่ทำอะไรไม่ได้เลย มันทำให้เจ้าตัวรู้สึกเจ็บปวดมากจนอยากจะตาย
และนี่ก็คือการรับผิดชอบของเขา
"พอถึงตอนนั้นยัยนั่นต้องร้องไห้แน่ๆ"
( อะไรกัน! )
"ยัยนั่นน่ะชอบทำท่าทางเข้มแข็งแต่จริงน่ะอ่อนไหวมากเลยนะ"
( ใบหน้านั่นมันอะไรกัน! )
"ถึงตอนนั้นก็ขอฝากเซนะกับพวกเธอด้วยนะ"
( ทำไมกัน ทำไมเราถึงไม่ดีใจล่ะ ก็พิเกียจะไปจากท่านเซนะให้เองแล้วแท้ๆ แล้วทำไมกัน! ) ถึงจะไม่หันหน้ามาแต่แค่มองแผ่นหลังของนกน้อยก็บ่งบอกได้ถึงความเจ็บปวด ไม่ใช่แค่ยูกะเท่านั้นที่รับรู้แต่ทุกคนในห้องต่างก็รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้
ในตอนที่ทุกอย่างเงียบลงก็ได้มีใครบางคนเดินผ่านยูกะไปหาพิเกีย ทุกคนเองก็ไม่ใครเคยคาดคิดว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่ได้เหมือนกัน
"พิเกียไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ"
"เซนะ?!" นกน้อยถึงกับหันไปมองข้างๆ
สายตาของยูกะนั้นเริ่มกดดันพิเกียมากขึ้น มันทำให้เจ้าตัวเริ่มยั๊วะ!
"แล้วอะไรที่ทำให้เธอคิดแบบนั้น ตอบไม่ดีเรื่องไม่จบง่ายๆแน่!"
"นายปล่อยให้เซนะเผชิญอันตรายมาคนเดียวกี่ครั้งแล้วล่ะ"
"ประมาณ 2-3 ครั้งได้มั้ง!"
"คำตอบก็คือ 1,097 ครั้ง!"
( What~!!! )
ที่พิเกียอึ้งไม่ใช่ตัวเลขที่มากแสนมากแต่เป็นการที่ยูกะเอาเวลาไหนไปนับต่างหากที่ทำให้เจ้าตัวถึงกับอึ้ง ที่สำคัญคือเธอรู้ได้ไงและรู้มาจากไหน~!
"หน้าที่ของ duo คือการปกป้องผู้เป็นนายแต่นายกับปล่อยให้เซนะไปสู้ตามลำพังเหตุผลแค่นี้พอไหม" เธอกดดันด้วยสายตาหนักขึ้น
เธอเตรียมคำตอบที่จะใช้ตอบทุกข้ออ้างของพิเกียเอาไว้หมดแล้ว ขอเพียงแค่พิเกียเถียงต่อเธอก็จะตอกกลับไปด้วยเหตุผลทุกอย่างซึ่งแน่นอนว่ามันคือเรื่องจริง ใน duo พวกเดียวกันกลับเธอไม่มีใครเลยที่สามารถเถียงชนะยูกะลงได้ ยกเว้นเซนะในอดีตที่เธอไม่กล้าจะไปเถียงด้วย
ทั้งห้องได้เข้าสู่ความเงียบเพื่อรอฟังคำพูดของพิเกียต่อจากนี้ นกน้อยสีขาวจากตอนแรกที่ดูเกรี้ยวกราดในตอนนี้ได้เงียบและสงบลงจนดูน่าขนลุก
และไม่นานนักหลังจากที่เงียบไปนกน้อยก็ได้พูดขึ้น
"เกินพอเลยล่ะ.. "
คราวนี้เป็นตาของยูกะที่ต้องตกใจแทน สถานการณ์นี้ในความคิดของเธอมันไม่เคยมีอยู่ในหัว เพราะความที่ไม่ชอบเธอจึงคอยเฝ้ามองพิเกียอยู่เสมอมาซึ่งนั่นจึงทำให้เธอรู้นิสัยของพิเกียทั้งหมด หากเป็นสถานการณ์เมื่อกี้นี้พิเกียจะต้องเถียงต่อแท้ๆ แต่ไม่! เขากับยอมรับมัน!!!
นกน้อยได้บินมายืนเกาะอยู่ตรงหน้าต่างที่เปิดอยู่ก่อนจะแหงนมองท้องฟ้าอย่างคิดถึง
"หน้าที่ของฉันคือการปกป้องเซนะนั่นคือคำสั่งที่ฉันได้รับมาจากพ่อของเธอ จนตอนนี้เธออายุได้ 13 เจ้าบ้านั่นก็ยังไม่มาหาลูกตัวเองสักครั้ง ฉันเองก็พอจะรู้ว่ามันลำบากหากเจ้าหมอนั่นปรากฏตัวขึ้นจริงๆ แต่ฉันก็หวังที่จะให้เซนะได้เจอกับพ่อของตัวเองสักครั้ง พอถึงตอนนั้นฉันก็จะไปจากเซนะเอง.... "
สายลมได้พัดผ่านร่างของนกน้อยจนขนนั้นปลิวไสวไปมา
พิเกียไม่ใช่ว่าจะไม่ทำอะไรเลยแต่แค่เขาไม่สามารถทำมันได้ก็เท่านั้นล่าสุดสงครามของเหล่าราชันย์ตัวเขาเองก็รู้เรื่อง แต่เพราะคำสั่งเขาจึงไม่สามารถเข้าไปช่วยเซนะสู้ได้เลย
ตัวเขาที่ทำอะไรไม่ได้เลย มันทำให้เจ้าตัวรู้สึกเจ็บปวดมากจนอยากจะตาย
และนี่ก็คือการรับผิดชอบของเขา
"พอถึงตอนนั้นยัยนั่นต้องร้องไห้แน่ๆ"
( อะไรกัน! )
"ยัยนั่นน่ะชอบทำท่าทางเข้มแข็งแต่จริงน่ะอ่อนไหวมากเลยนะ"
( ใบหน้านั่นมันอะไรกัน! )
"ถึงตอนนั้นก็ขอฝากเซนะกับพวกเธอด้วยนะ"
( ทำไมกัน ทำไมเราถึงไม่ดีใจล่ะ ก็พิเกียจะไปจากท่านเซนะให้เองแล้วแท้ๆ แล้วทำไมกัน! ) ถึงจะไม่หันหน้ามาแต่แค่มองแผ่นหลังของนกน้อยก็บ่งบอกได้ถึงความเจ็บปวด ไม่ใช่แค่ยูกะเท่านั้นที่รับรู้แต่ทุกคนในห้องต่างก็รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้
ในตอนที่ทุกอย่างเงียบลงก็ได้มีใครบางคนเดินผ่านยูกะไปหาพิเกีย ทุกคนเองก็ไม่ใครเคยคาดคิดว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่ได้เหมือนกัน
"พิเกียไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ"
"เซนะ?!" นกน้อยถึงกับหันไปมองข้างๆ
วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561
หน้าที่ 112
สายตาของทั้งสองได้จ้องมองกันก่อนจะแยกย้ายกันไปตามปกติ ปัญหาใหม่เริ่มทยอยเข้ามาหาพวกเซนะเรื่อยๆเพราะงั้นหากช่วยเหลืออะไรได้บ้างพวกเขาก็จะคอยช่วยเหลือแบบลับๆอย่างเต็มที่ซึ่งนี่ก็คือหน้าที่ของพวกเธอ
....เหลืออีก 4 วันก่อนจะถึงงานประลองตัวแทนจักรวาลจะเริ่มหากท่านเซนะชนะก็จะได้เข้าร่วมในศึกของ darklord และ lightlord ตอนนี้ตำแหน่งของท่านคือผู้พิชิตจักรวาล ผู้ช่วยเหลือจัดรวาลเรื่อยมาถึงงั้นชื่อเสียงนี้ก็ยังยิ่งใหญ่ไม่พอที่จะคู่ควรกับท่าน ถ้าหากท่านเป็นคนจัดการกับหัวหน้าของ darklord ลงได้ท่านก็คงจะได้ชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น พอถึงตอนนั้นทุกคนทั่วทั้งจักรวาลก็จะได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของท่าน.... ยูกะคาดหวังแบบนี้อยู่ลึกๆก่อนจะเปิดประตูเข้าสู่ห้องของตน
ภาพแรกที่เธอเห็นหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาก็คือภาพของเซสึนะที่กำลังตีกับพิเกียอย่างเมามันส์ ถึงจะรู้ว่าพิเกียนั้นเป็นกรณีพิเศษซึ่งพอๆกับเทียร์แต่การที่เห็นนายของตนถูกปฏิบัติเยี่ยงนี้มันทำให้เธอรู้สึกเคืองๆขึ้นมาทันที
"ใจเย็นไว้ก่อนยูกะ" มุเก็นได้พูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
"ทำไมพิเกียถึงมาเป็นคู่หูของท่านเซนะแทนที่จะเป็นเทียร์พวกเราทุกคนตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้คำตอบของเรื่องนี้เลย"
เธอกำหมัดแน่น
"ฉันเข้าใจเธอดีเพราะตอนนั้นตอนที่ท่านเซนะประกาศเรื่องนี้
ฉันเองก็เจ็บใจไม่แพ้เธอเหมือนกัน พวกเรานั้นทำได้เพียงแต่คอยรับใช้ท่านในอดีตเท่านั้นและหนึ่งในคนทั้งหมดก็คือเทียร์ที่ได้เป็นเพื่อนกับท่าน ในตอนแรกฉันเองก็อิจฉาเทียร์ที่ได้รับทุกๆอย่างไม่ว่าจะเป็นความไว้วางใจ ความรัก ความสนิทสนมแต่ฉันก็พอจะเข้าใจและยอมรับมันได้ ท่านเซนะกับเทียร์ทั้งคู่ไม่ต่างอะไรกับพี่น้องส่วนพวกเราคงเป็นได้แค่ลูกๆของท่านแต่สำหรับพิเกียที่เกิดหลังสุดท่านคงจะเห็นเป็นลูกคนเล็กสุดจึงต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษจนในที่สุดท่านก็เลือกพิเกีย"
"แถมยังแต่งตั้งให้เป็นถึงระดับผู้พิทักษ์ที่ทัดเทียมกับพวกเราอีกด้วย..."
"ทำไงได้ คำสั่งของท่านเซนะก็คือคำสั่งเด็ดขาดพวกเราจึงได้แต่ยอมรับมันเท่านั้น"
"ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ยอมรับพิเกียเด็ดขาด"
เธอเดินเข้าไปแยกพิเกียกับเซสึนะออกจากกันจนทำให้บรรยากาศคึกครื้นจนถึงเมื่อกี้ต้องหยุดลง ทุกคนต่างพากันมองมาทางเธอรวมถึงอุยที่ตอนนี้ถึงกับเอาหน้าที่แนบจากโต๊ะออกห่างจากกัน
"พอได้แล้วทั้งสองคนผู้อำนวยการเองก็หัดว่าอะไรมั่งสิคะไม่ใช่ปล่อยให้สองคนนี้ตีกันอยู่ทุกวัน" เธอหันมาทางอุย
"ใจเย็นก่อนนะยูกะ นี่แม่คุณไปเดือดมาจากไหนกัน"
"ฉันใจเย็นอยู่ค่ะ!"
( ตรงไหน!!! )
ทั้งห้องพร้อมใจกันพูดออกมาภายในใจ ขืนพูดตรงๆออกมามีหวังได้มีเรื่องกับเธออย่างแน่นอนทุกคนจึงได้พยายามเลี่ยงมันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น
เว้นแต่ตัวต้นเหตุอย่างพิเกีย
"ฉันเข้าใจว่าทำไมเธอถึงเดือดขนาดนี้เพราะงั้นใจเย็นลงเถอะ" ปีกสีขาวได้ตบที่หัวไหล่เธอเบาๆสามครั้งแต่นี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยซ้ำยังเหมือนเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟแทน
ยูกะได้หันมาหาพิเกียด้วยสายตาไม่พอใจ
"พิเกียฉันขอพูดอะไรกับนายหน่อยได้ไหม"
"ได้สิว่ามาเลย~!"
"นายไม่คู่ควรที่จะเป็น duo ของเซนะ"
( ฮ่ะ??? )
เจ้าตัวเริ่มหน้าซีดเมื่อได้ยินคำๆนี้จากยูกะตามมาด้วยความโกรธอย่างไม่เคยมีมาก่อน
"นี่เธอหมายความว่ายังไงกัน!"
"ฉันจะพูดอีกเพียงแค่ครั้งเดียว นายมันอ่อนแอเกินไป!"
สายตาของทั้งสองได้จ้องมองกันก่อนจะแยกย้ายกันไปตามปกติ ปัญหาใหม่เริ่มทยอยเข้ามาหาพวกเซนะเรื่อยๆเพราะงั้นหากช่วยเหลืออะไรได้บ้างพวกเขาก็จะคอยช่วยเหลือแบบลับๆอย่างเต็มที่ซึ่งนี่ก็คือหน้าที่ของพวกเธอ
....เหลืออีก 4 วันก่อนจะถึงงานประลองตัวแทนจักรวาลจะเริ่มหากท่านเซนะชนะก็จะได้เข้าร่วมในศึกของ darklord และ lightlord ตอนนี้ตำแหน่งของท่านคือผู้พิชิตจักรวาล ผู้ช่วยเหลือจัดรวาลเรื่อยมาถึงงั้นชื่อเสียงนี้ก็ยังยิ่งใหญ่ไม่พอที่จะคู่ควรกับท่าน ถ้าหากท่านเป็นคนจัดการกับหัวหน้าของ darklord ลงได้ท่านก็คงจะได้ชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น พอถึงตอนนั้นทุกคนทั่วทั้งจักรวาลก็จะได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของท่าน.... ยูกะคาดหวังแบบนี้อยู่ลึกๆก่อนจะเปิดประตูเข้าสู่ห้องของตน
ภาพแรกที่เธอเห็นหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาก็คือภาพของเซสึนะที่กำลังตีกับพิเกียอย่างเมามันส์ ถึงจะรู้ว่าพิเกียนั้นเป็นกรณีพิเศษซึ่งพอๆกับเทียร์แต่การที่เห็นนายของตนถูกปฏิบัติเยี่ยงนี้มันทำให้เธอรู้สึกเคืองๆขึ้นมาทันที
"ใจเย็นไว้ก่อนยูกะ" มุเก็นได้พูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
"ทำไมพิเกียถึงมาเป็นคู่หูของท่านเซนะแทนที่จะเป็นเทียร์พวกเราทุกคนตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้คำตอบของเรื่องนี้เลย"
เธอกำหมัดแน่น
"ฉันเข้าใจเธอดีเพราะตอนนั้นตอนที่ท่านเซนะประกาศเรื่องนี้
ฉันเองก็เจ็บใจไม่แพ้เธอเหมือนกัน พวกเรานั้นทำได้เพียงแต่คอยรับใช้ท่านในอดีตเท่านั้นและหนึ่งในคนทั้งหมดก็คือเทียร์ที่ได้เป็นเพื่อนกับท่าน ในตอนแรกฉันเองก็อิจฉาเทียร์ที่ได้รับทุกๆอย่างไม่ว่าจะเป็นความไว้วางใจ ความรัก ความสนิทสนมแต่ฉันก็พอจะเข้าใจและยอมรับมันได้ ท่านเซนะกับเทียร์ทั้งคู่ไม่ต่างอะไรกับพี่น้องส่วนพวกเราคงเป็นได้แค่ลูกๆของท่านแต่สำหรับพิเกียที่เกิดหลังสุดท่านคงจะเห็นเป็นลูกคนเล็กสุดจึงต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษจนในที่สุดท่านก็เลือกพิเกีย"
"แถมยังแต่งตั้งให้เป็นถึงระดับผู้พิทักษ์ที่ทัดเทียมกับพวกเราอีกด้วย..."
"ทำไงได้ คำสั่งของท่านเซนะก็คือคำสั่งเด็ดขาดพวกเราจึงได้แต่ยอมรับมันเท่านั้น"
"ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ยอมรับพิเกียเด็ดขาด"
เธอเดินเข้าไปแยกพิเกียกับเซสึนะออกจากกันจนทำให้บรรยากาศคึกครื้นจนถึงเมื่อกี้ต้องหยุดลง ทุกคนต่างพากันมองมาทางเธอรวมถึงอุยที่ตอนนี้ถึงกับเอาหน้าที่แนบจากโต๊ะออกห่างจากกัน
"พอได้แล้วทั้งสองคนผู้อำนวยการเองก็หัดว่าอะไรมั่งสิคะไม่ใช่ปล่อยให้สองคนนี้ตีกันอยู่ทุกวัน" เธอหันมาทางอุย
"ใจเย็นก่อนนะยูกะ นี่แม่คุณไปเดือดมาจากไหนกัน"
"ฉันใจเย็นอยู่ค่ะ!"
( ตรงไหน!!! )
ทั้งห้องพร้อมใจกันพูดออกมาภายในใจ ขืนพูดตรงๆออกมามีหวังได้มีเรื่องกับเธออย่างแน่นอนทุกคนจึงได้พยายามเลี่ยงมันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น
เว้นแต่ตัวต้นเหตุอย่างพิเกีย
"ฉันเข้าใจว่าทำไมเธอถึงเดือดขนาดนี้เพราะงั้นใจเย็นลงเถอะ" ปีกสีขาวได้ตบที่หัวไหล่เธอเบาๆสามครั้งแต่นี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยซ้ำยังเหมือนเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟแทน
ยูกะได้หันมาหาพิเกียด้วยสายตาไม่พอใจ
"พิเกียฉันขอพูดอะไรกับนายหน่อยได้ไหม"
"ได้สิว่ามาเลย~!"
"นายไม่คู่ควรที่จะเป็น duo ของเซนะ"
( ฮ่ะ??? )
เจ้าตัวเริ่มหน้าซีดเมื่อได้ยินคำๆนี้จากยูกะตามมาด้วยความโกรธอย่างไม่เคยมีมาก่อน
"นี่เธอหมายความว่ายังไงกัน!"
"ฉันจะพูดอีกเพียงแค่ครั้งเดียว นายมันอ่อนแอเกินไป!"
วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561
หน้าที่ 111
สาวน้อยไม่คิดจะพูดแล้วก็ไม่คิดจะบอกพวกเขาด้วย เหตุผลก็ง่ายนิดเดียว เพราะว่าพวกเธอยังเป็นเด็กอยู่
ถึงหนึ่งในนั้นจะมีคนโกงอายุก็ตามที เธอมองไปหาทุกคนที่กำลังมองมาทางเธออย่างใจจดใจจ่อ เธอรู้ว่ามันไม่เป็นผลดีสักเท่าไหร่กับการที่ต้องปิดบังเหล่าเพื่อนๆของเธอแต่มันก็เพื่อตัวพวกเขาเองทั้งนั้น
"เอาเป็นว่ามันยังเร็วไปที่จะบอกตอนนี้ เอาไว้วันหลังเตอะ"
"หลังไหนล่ะแม่คุณ~!" ทุกคนพร้อมใจกันพูดแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเธอได้ผลสุดท้ายทุกคนก็ต้องยอมแพ้ให้กับฮิคาริ ทุกคนต่างพากันออกจากห้องไปแบบเซ็งๆ เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้รู้ในสิ่งที่ต้องรู้จึงทำให้เกิดอาการแบบนี้ขึ้น
"ยัยฮิคาริ ฝากไว้ก่อนเถอะ"
"ใจเย็นๆก่อนโอริกามิ ฉันเองก็หงุดหงิดเหมือนกัน"
"ผู้อำนวยการ~!" ทั้งสองตาจ้องมองกันราวกับสหายที่ร่วมสู้รบกันมาอย่างยาวนานจนรู้ใจกันและกันเพียงแค่มองตา
"ฉันเองก็สงสัยมานานแล้วเหมือนกัน"
"สงสัย...."
"ฮิคาริแตกต่างกับทุกคนหรือจะพูดง่ายๆก็คือเธอเก่งกว่าทุกคนในโรงเรียนเผลอๆระดับอาจจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับฉันเลยก็ได้แต่พอเซนะปรากฏตัวขึ้นเธอก็เล่นลดระดับตัวเองลงจนมาอยู่ห้อง 5 อย่างที่เห็นนี่แหละ"
ความสงสัยเริ่มผุดขึ้นมาเป็นภูเขา เธอเป็นใครและรู้อะไรมากแค่ไหนกัน....
"ฉันว่าพวกเราหยุดพูดเรื่องของเขากันดีกว่านะ" ยูกะได้แทรกการสนทนาเข้ามาหาพวกเธอ มุเก็นเองก็เริ่มมีสีหน้าร้อนรนขึ้นมาเมื่อได้ยินการสนทนาของทั้งสอง ถึงจะเป็นการแอบฟังก็ตามที เมื่อยูกะพูดถึงขนาดนี้ทั้งสองจึงได้แต่ยอมถอดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปก่อน ทุกคนเองก็เช่นกัน....
เมื่อทุกคนเดินจากไปแล้วก็เหลือเพียงยูกะกับมุเก็นที่กำลังยืนคุยกันสองต่อสอง
และพวกเธอก็มั่นใจด้วยว่าการสนทนานี้จะไม่มีใครได้ยินหรือแอบฟัง
"เกือบไปแล้วนะ"
"นั่นดิ"
มุเก็นได้ตอบไปแบบห้วนๆตามประสาคนรู้จัก เธอกับมุเก็นเคยรู้จักกันมาก่อนหน้าที่พวกเธอจะได้พบกับ master คนใหม่ของพวกตน ถึงแม้ว่าการจากลาจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดแต่พวกเธอก็ได้พบกับสิ่งใหม่ๆที่พวกเธอไม่เคยพบ มันทำให้พวกเธอนั้นได้รับประสบการณ์ครั้งใหม่ซึ่งไม่ต่างจากการศึกษาหรือการเรียนรู้เลย
ถึงแม้จะต้องจากกับนายคนเดิมแต่พวกเขาก็หวังที่จะได้พบกับนายพวกเขาอีกครั้ง
เพราะงั้นพวกเขาจึงยังคอยปกป้องครอบครัวของนายพวกตนอยู่เสมอมา
"จะว่าไปนายของเธอก็ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เล่นเลยแฮะ" มุเก็นได้พูดออกมาด้วยความอิจฉานิดๆ
"ก็เขาเป็นหลานของท่านผู้นั้นนี่น่า "
"เทียบกับนายฉันแล้ว เฮ้อ~!"
"น่าๆ อีกเดี๋ยวเขาก็คงจะเป็นเหมือนกับท่านาเดชิโกะอย่างแน่นอน พอถึงตอนนั้นบางทีความคิดของนายอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้มั้ง"
"เฮ้อ~! อุตส่าห์มีท่านแม่ท่านพ่อที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นแท้ๆ ตูอยากจะร้องไห้~!"
มังกรจิ๋วทำหน้าสุดเอือมระอาเมื่อนึกถึงนายของตน ทั้งเอาแต่ใจ ขี้โวยวาย ใช้อารมณ์ บางครั้งก็ไม่มีเหตุผล ซึ่งแตกต่างกับท่านแม่ของเธอที่เป็นถึงรองขุนพลของ Little Nova เธอทั้งเก่งกาจและไม่มีใครเปรียบกับเธอได้ ในยามที่ทีมเกิดความสับสนหรือไร้ซึ่งหัวหน้าเธอนี่แหละจะมาเป็นคนสั่งการและบัญชาการทั้งทีมด้วยตัวคนเดียว
มีบางครั้งที่เธอต้องลุยเดี่ยวสู่สนามรบท่ามกลางศัตรูมากมาย และก็เป็นเธอที่ชนะได้ทุกศึก สถิติการแพ้ของเธอคือ 0 นั่นก็หมายความว่าเธอไม่เคยแพ้ใครเลยแม้สักครั้งเดียวรวมกระทั่งหัวหน้าของเธอเธอก็ยังไม่เคยแพ้เลยสักครั้งเพราะงั้นในทีมเธอจึงได้ขนานามว่า จักรพรรดินี หญิงสาวที่แข็งแกร่งที่สุดในทีม
"จะว่าไปเจ้านั่นไปอยู่กับใครล่ะ"
"ใครหรอ~!"
"สี่ขาทีมเราอ่ะ"
"อ้อ.... ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าเขาจะได้พบกับนายใหม่แล้วนะ"
สาวน้อยไม่คิดจะพูดแล้วก็ไม่คิดจะบอกพวกเขาด้วย เหตุผลก็ง่ายนิดเดียว เพราะว่าพวกเธอยังเป็นเด็กอยู่
ถึงหนึ่งในนั้นจะมีคนโกงอายุก็ตามที เธอมองไปหาทุกคนที่กำลังมองมาทางเธออย่างใจจดใจจ่อ เธอรู้ว่ามันไม่เป็นผลดีสักเท่าไหร่กับการที่ต้องปิดบังเหล่าเพื่อนๆของเธอแต่มันก็เพื่อตัวพวกเขาเองทั้งนั้น
"เอาเป็นว่ามันยังเร็วไปที่จะบอกตอนนี้ เอาไว้วันหลังเตอะ"
"หลังไหนล่ะแม่คุณ~!" ทุกคนพร้อมใจกันพูดแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเธอได้ผลสุดท้ายทุกคนก็ต้องยอมแพ้ให้กับฮิคาริ ทุกคนต่างพากันออกจากห้องไปแบบเซ็งๆ เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้รู้ในสิ่งที่ต้องรู้จึงทำให้เกิดอาการแบบนี้ขึ้น
"ยัยฮิคาริ ฝากไว้ก่อนเถอะ"
"ใจเย็นๆก่อนโอริกามิ ฉันเองก็หงุดหงิดเหมือนกัน"
"ผู้อำนวยการ~!" ทั้งสองตาจ้องมองกันราวกับสหายที่ร่วมสู้รบกันมาอย่างยาวนานจนรู้ใจกันและกันเพียงแค่มองตา
"ฉันเองก็สงสัยมานานแล้วเหมือนกัน"
"สงสัย...."
"ฮิคาริแตกต่างกับทุกคนหรือจะพูดง่ายๆก็คือเธอเก่งกว่าทุกคนในโรงเรียนเผลอๆระดับอาจจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับฉันเลยก็ได้แต่พอเซนะปรากฏตัวขึ้นเธอก็เล่นลดระดับตัวเองลงจนมาอยู่ห้อง 5 อย่างที่เห็นนี่แหละ"
ความสงสัยเริ่มผุดขึ้นมาเป็นภูเขา เธอเป็นใครและรู้อะไรมากแค่ไหนกัน....
"ฉันว่าพวกเราหยุดพูดเรื่องของเขากันดีกว่านะ" ยูกะได้แทรกการสนทนาเข้ามาหาพวกเธอ มุเก็นเองก็เริ่มมีสีหน้าร้อนรนขึ้นมาเมื่อได้ยินการสนทนาของทั้งสอง ถึงจะเป็นการแอบฟังก็ตามที เมื่อยูกะพูดถึงขนาดนี้ทั้งสองจึงได้แต่ยอมถอดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปก่อน ทุกคนเองก็เช่นกัน....
เมื่อทุกคนเดินจากไปแล้วก็เหลือเพียงยูกะกับมุเก็นที่กำลังยืนคุยกันสองต่อสอง
และพวกเธอก็มั่นใจด้วยว่าการสนทนานี้จะไม่มีใครได้ยินหรือแอบฟัง
"เกือบไปแล้วนะ"
"นั่นดิ"
มุเก็นได้ตอบไปแบบห้วนๆตามประสาคนรู้จัก เธอกับมุเก็นเคยรู้จักกันมาก่อนหน้าที่พวกเธอจะได้พบกับ master คนใหม่ของพวกตน ถึงแม้ว่าการจากลาจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดแต่พวกเธอก็ได้พบกับสิ่งใหม่ๆที่พวกเธอไม่เคยพบ มันทำให้พวกเธอนั้นได้รับประสบการณ์ครั้งใหม่ซึ่งไม่ต่างจากการศึกษาหรือการเรียนรู้เลย
ถึงแม้จะต้องจากกับนายคนเดิมแต่พวกเขาก็หวังที่จะได้พบกับนายพวกเขาอีกครั้ง
เพราะงั้นพวกเขาจึงยังคอยปกป้องครอบครัวของนายพวกตนอยู่เสมอมา
"จะว่าไปนายของเธอก็ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เล่นเลยแฮะ" มุเก็นได้พูดออกมาด้วยความอิจฉานิดๆ
"ก็เขาเป็นหลานของท่านผู้นั้นนี่น่า "
"เทียบกับนายฉันแล้ว เฮ้อ~!"
"น่าๆ อีกเดี๋ยวเขาก็คงจะเป็นเหมือนกับท่านาเดชิโกะอย่างแน่นอน พอถึงตอนนั้นบางทีความคิดของนายอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้มั้ง"
"เฮ้อ~! อุตส่าห์มีท่านแม่ท่านพ่อที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นแท้ๆ ตูอยากจะร้องไห้~!"
มังกรจิ๋วทำหน้าสุดเอือมระอาเมื่อนึกถึงนายของตน ทั้งเอาแต่ใจ ขี้โวยวาย ใช้อารมณ์ บางครั้งก็ไม่มีเหตุผล ซึ่งแตกต่างกับท่านแม่ของเธอที่เป็นถึงรองขุนพลของ Little Nova เธอทั้งเก่งกาจและไม่มีใครเปรียบกับเธอได้ ในยามที่ทีมเกิดความสับสนหรือไร้ซึ่งหัวหน้าเธอนี่แหละจะมาเป็นคนสั่งการและบัญชาการทั้งทีมด้วยตัวคนเดียว
มีบางครั้งที่เธอต้องลุยเดี่ยวสู่สนามรบท่ามกลางศัตรูมากมาย และก็เป็นเธอที่ชนะได้ทุกศึก สถิติการแพ้ของเธอคือ 0 นั่นก็หมายความว่าเธอไม่เคยแพ้ใครเลยแม้สักครั้งเดียวรวมกระทั่งหัวหน้าของเธอเธอก็ยังไม่เคยแพ้เลยสักครั้งเพราะงั้นในทีมเธอจึงได้ขนานามว่า จักรพรรดินี หญิงสาวที่แข็งแกร่งที่สุดในทีม
"จะว่าไปเจ้านั่นไปอยู่กับใครล่ะ"
"ใครหรอ~!"
"สี่ขาทีมเราอ่ะ"
"อ้อ.... ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าเขาจะได้พบกับนายใหม่แล้วนะ"
วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2561
หน้าที่ 110
คำพูดของเขาทำเอาเซนะถึงกลับตัวสั่น ไม่ตายก็เข้าสู่ด้านมืด ทางเลือกไหนๆก็มีแต่แย่ๆทั้งนั้น แล้วเธอจะทำยังไงดี.....!
"นี่ผมทำอะไรไม่ได้เลยหรือไงกัน!"
"ถ้าตอนนี้ล่ะก็ไม่!"
เขาตอบตามความเป็นจริงราวกับเป็นดาบทิ่มแทงอกของเธอ เธอจับอกตัวเองราวกับถูกดาบแทงจริงๆ หายใจเริ่มถี่ขึ้น เร็วขึ้น ราวกับรอบๆมีอากาศอยู่แค่นิดเดียว
เขาแทบจะถอดใจแล้วตอนนี้
"ผมอยากจะช่วยเขา"
"เธอช่วยใครไม่ได้ทั้งนั้นนี่คือความจริงอันโหดร้าย"
"ผมไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก!"
"คนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้จึ้นก็คือเธอนั่นแหละ"
"ผม!" สมองเธอแทบจะระเบิด ปริศนามากมายของเธอมันทำให้เธอแทบจะบ้าไปแล้ว เด็กหนุ่มที่รู้ดีจึงเดินไปสะกัดจุดเพื่อทำให้เซนะนั้นหลับไป ชายหนุ่มได้อุ้มเซนะในท่าอุ้มเจ้าสาวก่อนจะหันไปทางเด็กสาวคนหนึ่ง
"ฝากจัดการต่อด้วยนะฮิคาริ"
"รับทราบ!"
เธอรีบเข้ามารับร่างของเซนะจากชายหนุ่มอย่างทะนุถนอมก่อนจะมองมาหาชายหนุ่ม
"ตายแล้วยังมาทางนี้ได้อีกนะเคียวสุเกะ"
"ก็ฉันมันเก่งนี่น่า!"
"ไม่ชมเลยนะ" เธอได้พูดประชดใส่
"จะยังไงก็ช่างต่อจากนี้ก็คอยดูแลเซนะให้ดีๆด้วยนะขออย่าให้เซนะกลับมาเป็นเหมือนเหตุการณ์นั้น"
"นั่นสินะ..." เธอได้คิดตามเมื่อวันนั้นมาถึง เมื่อ 8 ปีก่อนตอนที่พวกเขาออกเดินทางร่วมกัน ในวันนั้น....
\\\ เซนะอาละวาด!! ///
ทุกคนในทีมจะต้องช่วยกันเพื่อหยุดเซนะและเพราะแบบนั้นจึงทำให้เกิดการสูญเสียเกิดขึ้น ยิ่งคิดยิ่งคนลุกเธอจึงส่ายหน้าออกเพื่อสลัดความคิดนั้นออกไป
"โอเค ฉันคงต้องไปแล้วล่ะ"
"ไม่ไปเยี่ยมเรนเดียร์ก่อนหรอ~!"
"ฉันไปมาแล้วล่ะ"
"พลังนายสะดวกดีแท้"
"ไปล่ะ!" พูดจบร่างของเขาก็ได้หายไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าแสง ฮิคาริจึงได้แต่เหยียดยิ้มให้กับการจากลาอันแสนรวดเร็วในครั้งนี้
หลังจากเคียวสุเกะจากไปฮิคารอก็ได้พาเซนะไปนอนที่ห้องพยาบาลและเนื่องจากเซนะมาที่นี่สมาชิกทีมใหม่จึงรีบมาเฝ้าเซนะ ตามมาด้วยราชันย์ทุกคนกับอาจารย์ประจำชั้นอย่างอุยและซุบารุ
ทุกคนที่เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดจึงมองมาที่ฮิคาริกันใหญ่
"มองเค้าทำไมอ่ะ???"
\\\ ยังจะต้องถามอีกหรอ!!! ///
ทุกคนต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวราวกับนัดกันมายังไงบังงั้น
"เธอรู้จักกับคนเมื่อกี้นี้ใช่ไหม"
"yes"
"แล้วเขาเป็นใครกัน!?"
"ม่ายบอก~!!!"
คำพูดของเขาทำเอาเซนะถึงกลับตัวสั่น ไม่ตายก็เข้าสู่ด้านมืด ทางเลือกไหนๆก็มีแต่แย่ๆทั้งนั้น แล้วเธอจะทำยังไงดี.....!
"นี่ผมทำอะไรไม่ได้เลยหรือไงกัน!"
"ถ้าตอนนี้ล่ะก็ไม่!"
เขาตอบตามความเป็นจริงราวกับเป็นดาบทิ่มแทงอกของเธอ เธอจับอกตัวเองราวกับถูกดาบแทงจริงๆ หายใจเริ่มถี่ขึ้น เร็วขึ้น ราวกับรอบๆมีอากาศอยู่แค่นิดเดียว
เขาแทบจะถอดใจแล้วตอนนี้
"ผมอยากจะช่วยเขา"
"เธอช่วยใครไม่ได้ทั้งนั้นนี่คือความจริงอันโหดร้าย"
"ผมไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก!"
"คนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้จึ้นก็คือเธอนั่นแหละ"
"ผม!" สมองเธอแทบจะระเบิด ปริศนามากมายของเธอมันทำให้เธอแทบจะบ้าไปแล้ว เด็กหนุ่มที่รู้ดีจึงเดินไปสะกัดจุดเพื่อทำให้เซนะนั้นหลับไป ชายหนุ่มได้อุ้มเซนะในท่าอุ้มเจ้าสาวก่อนจะหันไปทางเด็กสาวคนหนึ่ง
"ฝากจัดการต่อด้วยนะฮิคาริ"
"รับทราบ!"
เธอรีบเข้ามารับร่างของเซนะจากชายหนุ่มอย่างทะนุถนอมก่อนจะมองมาหาชายหนุ่ม
"ตายแล้วยังมาทางนี้ได้อีกนะเคียวสุเกะ"
"ก็ฉันมันเก่งนี่น่า!"
"ไม่ชมเลยนะ" เธอได้พูดประชดใส่
"จะยังไงก็ช่างต่อจากนี้ก็คอยดูแลเซนะให้ดีๆด้วยนะขออย่าให้เซนะกลับมาเป็นเหมือนเหตุการณ์นั้น"
"นั่นสินะ..." เธอได้คิดตามเมื่อวันนั้นมาถึง เมื่อ 8 ปีก่อนตอนที่พวกเขาออกเดินทางร่วมกัน ในวันนั้น....
\\\ เซนะอาละวาด!! ///
ทุกคนในทีมจะต้องช่วยกันเพื่อหยุดเซนะและเพราะแบบนั้นจึงทำให้เกิดการสูญเสียเกิดขึ้น ยิ่งคิดยิ่งคนลุกเธอจึงส่ายหน้าออกเพื่อสลัดความคิดนั้นออกไป
"โอเค ฉันคงต้องไปแล้วล่ะ"
"ไม่ไปเยี่ยมเรนเดียร์ก่อนหรอ~!"
"ฉันไปมาแล้วล่ะ"
"พลังนายสะดวกดีแท้"
"ไปล่ะ!" พูดจบร่างของเขาก็ได้หายไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าแสง ฮิคาริจึงได้แต่เหยียดยิ้มให้กับการจากลาอันแสนรวดเร็วในครั้งนี้
หลังจากเคียวสุเกะจากไปฮิคารอก็ได้พาเซนะไปนอนที่ห้องพยาบาลและเนื่องจากเซนะมาที่นี่สมาชิกทีมใหม่จึงรีบมาเฝ้าเซนะ ตามมาด้วยราชันย์ทุกคนกับอาจารย์ประจำชั้นอย่างอุยและซุบารุ
ทุกคนที่เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดจึงมองมาที่ฮิคาริกันใหญ่
"มองเค้าทำไมอ่ะ???"
\\\ ยังจะต้องถามอีกหรอ!!! ///
ทุกคนต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวราวกับนัดกันมายังไงบังงั้น
"เธอรู้จักกับคนเมื่อกี้นี้ใช่ไหม"
"yes"
"แล้วเขาเป็นใครกัน!?"
"ม่ายบอก~!!!"
หน้าที่ 109
ชินโด โครโน่ เขาเป็นลูกศิษย์ของเซนะอีกทีนึงแต่สาเหตุที่ตัวเธอเลือกเขาก็เพราะการพบกันของชายปริศนาที่มาพร้อมกับเฮเรน่าแม่แท้ๆของ ไอ ชินโดเองก็ดูจะรับรู้ถึงเจตนของเซนะเขาจึงยินดีที่จะร่วมสู้ไปด้วยกันกลับเธอ
"ผมตกลงครับ!"
"ขอบใจมากนะ"
การสนทนาเหมือนจะจบลงไปได้ด้วยดีจนกระทั่งชินโดพูดต่อ
"อาจารย์ครับผมมีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฟัง
"อะไรหรอ???"
"ตัวผมนั้นเติบโตมากลับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แม่ของผมเสียชีวิตด้วยโรคส่วนพ่อของผมได้ทอดทิ้งผมไปตั้งแต่เด็กๆผมจึงต้องอยู่คนเดียวจนอายุ 7 ขวบ อาของผมก็ได้รับผมเข้ามาเลี้ยงผมเกลียดพ่อของผมมาก เขาทิ้งทั้งแม่ ทั้งผม และทำให้อาต้องเดือดร้อน ผมสาบานกลับตัวเองเอาไว้แล้วว่าถ้าหากเจอกับเขาผมจะ.... "
"ฆ่ามัน!!!"
เซนะถึงกลับกลืนน้ำลายไม่ทัน เขาสัมผัสได้ถึงความอาฆาตแค้นอันแรงกล้าผ่านทางน้ำเสียง ถึงเธออยากจะบอกว่าไม่ควรทำแต่เธอก็รู้ว่าเขานั้นไม่สามารถห้ามโครโน่เอาไว้ได้แล้ว
....ชายคนที่เราเจอในตอนนั้นคงจะเป็นคุณพ่อของเขาสินะ
จิตอันแรงกล้าของเขาถึงกลับทำให้เซนะตัวสั่น เมื่อเทียบกับชินโดในตอนนี้มันไม่มีทางเลยที่ชินโดจะเอาชนะเขาลงได้ แต่ถึงอย่างนั้น...
"นี่คุณชินโดจะทำจริงๆอย่างนั้นหรอ"
"ผมทำจริง!"
"ผมจะไม่ห้ามคุณแต่ถ้าหากว่าวันที่คุณได้ทำมันสำเร็จมาถึงบางทีคุณอาจจะต้องกลับมาเสียใจในภายหลังก็เป็นได้"
"ตัวผมได้เตรียมใจเอาไว้หมดแล้ว"
"งั้นหรอ... ถ้างั้นแค่นี้นะ"
"ครับ" เธอวางสายไปอย่างสิ้นหวัง ลางสังหรณ์ของเธอบอกว่าเขาทำแน่ เธอกังวลมากว่าชินโดจะตาย เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น
\\ เราต้องทำอะไรสักอย่าง //
สาวน้อยได้หันหลังเตรียมที่จะวิ่งไปยังโรงเรียนที่โครโน่เรียนอยู่เพื่อหยุดเขาให้จงได้ แต่เธอก็ต้องหยุดชะงักไปเมื่อเห็นคนๆหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขา
เขาเป็นชายหนุ่มอายุราวๆ 17 ผมน้ำตาลเรียบที่มาพร้อมกับชุดนักเรียน ไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาให้ความรู้สึกเหมือนกับดี ราวกับ...
\\ เป็นวิญญาณ //
"เธอกำลังจะทำอะไร"
"ผมต้องไปห้ามคนๆหนึ่งไม่งั้นจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น!"
"อย่าฝ่าฝืนอนาคตสิ!"
"คุณหมายความว่ายังไง"
"ชินโด โครโน่ เขาคนนั้นอีกไม่ช้าจะเข้าสู่ด้านมืดและเพราะเขาเข้าสู่ด้านนี้จักรวาลจึงสมดุล"
"แล้วถ้าหากว่าผมเปลี่ยนมันล่ะ!"
"เขาคนนั้นก็จะต้องตาย... "
ชินโด โครโน่ เขาเป็นลูกศิษย์ของเซนะอีกทีนึงแต่สาเหตุที่ตัวเธอเลือกเขาก็เพราะการพบกันของชายปริศนาที่มาพร้อมกับเฮเรน่าแม่แท้ๆของ ไอ ชินโดเองก็ดูจะรับรู้ถึงเจตนของเซนะเขาจึงยินดีที่จะร่วมสู้ไปด้วยกันกลับเธอ
"ผมตกลงครับ!"
"ขอบใจมากนะ"
การสนทนาเหมือนจะจบลงไปได้ด้วยดีจนกระทั่งชินโดพูดต่อ
"อาจารย์ครับผมมีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฟัง
"อะไรหรอ???"
"ตัวผมนั้นเติบโตมากลับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แม่ของผมเสียชีวิตด้วยโรคส่วนพ่อของผมได้ทอดทิ้งผมไปตั้งแต่เด็กๆผมจึงต้องอยู่คนเดียวจนอายุ 7 ขวบ อาของผมก็ได้รับผมเข้ามาเลี้ยงผมเกลียดพ่อของผมมาก เขาทิ้งทั้งแม่ ทั้งผม และทำให้อาต้องเดือดร้อน ผมสาบานกลับตัวเองเอาไว้แล้วว่าถ้าหากเจอกับเขาผมจะ.... "
"ฆ่ามัน!!!"
เซนะถึงกลับกลืนน้ำลายไม่ทัน เขาสัมผัสได้ถึงความอาฆาตแค้นอันแรงกล้าผ่านทางน้ำเสียง ถึงเธออยากจะบอกว่าไม่ควรทำแต่เธอก็รู้ว่าเขานั้นไม่สามารถห้ามโครโน่เอาไว้ได้แล้ว
....ชายคนที่เราเจอในตอนนั้นคงจะเป็นคุณพ่อของเขาสินะ
จิตอันแรงกล้าของเขาถึงกลับทำให้เซนะตัวสั่น เมื่อเทียบกับชินโดในตอนนี้มันไม่มีทางเลยที่ชินโดจะเอาชนะเขาลงได้ แต่ถึงอย่างนั้น...
"นี่คุณชินโดจะทำจริงๆอย่างนั้นหรอ"
"ผมทำจริง!"
"ผมจะไม่ห้ามคุณแต่ถ้าหากว่าวันที่คุณได้ทำมันสำเร็จมาถึงบางทีคุณอาจจะต้องกลับมาเสียใจในภายหลังก็เป็นได้"
"ตัวผมได้เตรียมใจเอาไว้หมดแล้ว"
"งั้นหรอ... ถ้างั้นแค่นี้นะ"
"ครับ" เธอวางสายไปอย่างสิ้นหวัง ลางสังหรณ์ของเธอบอกว่าเขาทำแน่ เธอกังวลมากว่าชินโดจะตาย เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น
\\ เราต้องทำอะไรสักอย่าง //
สาวน้อยได้หันหลังเตรียมที่จะวิ่งไปยังโรงเรียนที่โครโน่เรียนอยู่เพื่อหยุดเขาให้จงได้ แต่เธอก็ต้องหยุดชะงักไปเมื่อเห็นคนๆหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขา
เขาเป็นชายหนุ่มอายุราวๆ 17 ผมน้ำตาลเรียบที่มาพร้อมกับชุดนักเรียน ไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาให้ความรู้สึกเหมือนกับดี ราวกับ...
\\ เป็นวิญญาณ //
"เธอกำลังจะทำอะไร"
"ผมต้องไปห้ามคนๆหนึ่งไม่งั้นจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น!"
"อย่าฝ่าฝืนอนาคตสิ!"
"คุณหมายความว่ายังไง"
"ชินโด โครโน่ เขาคนนั้นอีกไม่ช้าจะเข้าสู่ด้านมืดและเพราะเขาเข้าสู่ด้านนี้จักรวาลจึงสมดุล"
"แล้วถ้าหากว่าผมเปลี่ยนมันล่ะ!"
"เขาคนนั้นก็จะต้องตาย... "
วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2561
หน้าที่ 108
หลังจากผ่านอะไรมาตั้งมากมายในที่สุดเซนะกับโซเฟียก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งโดยคราวนี้มียูกะเพิ่มมาด้วยทำให้การใช้ชีวิตในบ้านหลังเล็กๆกันสามคนจึงเริ่มต้นขึ้น หลังจากที่แต่งตัวกันเสร็จทั้งสามจึงเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นโดยมีพิเกียบินมาเกาะไหล่ของเซนะหลังจากที่ไม่รู้ไปอยู่ไหนมา
เซนะจึงถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
"ไปไหนมาอ่ะพิเกีย"
"ทำงานๆฉันเองก็มีงานทำนะเฟ้ย!"
"จริงอ่ะ!"
"จริงดิ!"
แต่เซนะไม่เชื่อจึงเตรียมถามต่อ
"แล้วทำงานอะไรอ่ะ"
"เด็กๆไม่ต้องรู้หรอก"
แง่ม~! เธอถึงกับทำแก้มป่องเมื่อถูกพิเกียปฏิเสธที่จะตอบ
ส่วนอีกสองคนที่ตามมาด้วยกันจึงได้แต่หัวเราะออกมา อันที่จริงหน้าตอนงอนของแต่ละคนนั้นส่วนมากจะไม่ค่อยน่าดูแต่สำหรับเธอยิ่งงอนมากยิ่งน่ารัก
มันทำให้พิเกียถึงกับพลอยยิ้มตามไปด้วยเลย
"งอนอยู่หรอเซนะ~!"
"เปล่านิ!"
"งอนอยู่สินะ"
"ก็บอกว่าไม่ใช่่ไง!"
"งอนอยู่จริงๆด้วย" เธอที่ถูกจับได้จึงหน้าแดงขึ้นพร้อมกับพูดปฏิเสธด้วยท่าทีลนลานแต่ก็เท่านั้นเพราะมันยิ่งเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองมากขึ้น สุดท้ายฝ่ายที่แพ้ก็คือเซนะ เธอในตอนนี้หน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้ว พิเกียจึงบินเข้ามาใกล้พร้อมกับใช้ปีกลูบหัวเธอเบาๆ
สำหรับพิเกียเซนะก็เปรียบได้กับลูกสาวคนนึงเลย จึงไม่แปลกที่เจ้าตัวจะเอาใจใส่เซนะอยู่เสมอ
"ไม่เป็นไรหรอกเซนะ เธอจะงอนกลับฉันบ้างก็ได้ฉันไม่ว่าอะไรเธอหรอก"
"อื่อ...!"
หน้าของเด็กสาวค่อยๆกลับมาสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ในตอนนั้นเองสายตาของเซนะที่มองพิเกียก็ได้แปลกไป คนที่สังเกตุเห็นถึงเรื่องนี้ก็มีแค่เซสึนะคนเดียวเท่านั้น
....อะไรกัน! สายตาแบบนั้นมันอะไรกัน เราตั้งแค่อยู่ด้วยกันกลับเซนะก็ยังไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย!!?
ในไม่ช้าเซนะก็ได้พูดขึ้น
"นี่พิเกียสำหรับฉันแล้วพิเกียเป็นอะไรอย่างงั้นหรอ.."
"ลูกของเพื่อนที่ฉันต้องดูแล ก็แค่นั้นแหละ"
สาวน้อยถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เธอตกใจในหลายๆอย่างที่พิเกียพูดขึ้นมาจนเธอต้องเงียบลงไปเพื่อขอเวลาในการคิด เธอคิดจนเดินมาถึงหน้าโรงเรียนแล้วเธอก็ยังคิดไม่ออก
ในขณะที่กำลังคิดอยู่เธอก็เหลือบไปเห็นโอริกามิกับมุเก็นกำลังตะลุมบอนตีกันอยู่ เธอจึงหยุดคิดแล้วรีบวิ่งไปแยกทั้งสองออกจากกันแต่เนื่องจากเพราะเป็นเธอจึงไม่สามารถห้ามสองคนนี้ได้สุดท้ายยูกะกับเซสึนะก็ต้องมาห้าม
ช่วงเช้าของวันจึงจบลงด้วยประการนี้
เข้าสู่ช่วงบ่ายซึ่งเป็นตอนพักกลางวันพอดี
เมื่อคืนของวันเซสึนะได้เล่าเรื่องสมาชิกของทีมที่ตนไปเลือกมาให้กับเซนะได้ฟังซึ่งก็มี เซนะ เซสึนะ ฮิคาริ โอริกามิ ดี อามาเนะ รวม 6 คน ซึ่งยังขาดอีกคนนึงถึงจะครบทีม ในตอนแรกเซนะก็ไม่คิดที่จะลงแต่เพราะการโน้มน้าวของยูกะจึงทำให้เซนะเปลี่ยนใจได้สำเร็จ
สาเหตุที่เซสึนะอยากจะให้เซนะลงให้ได้ก็เพราะเขาเห็นว่าเธอยังคาดประสบการณ์อีกเยอะเมื่อเทียบกับตัวเองในอดีต ในตอนนั้นเซนะแทบจะเทพจนเขายังต้องชิดซ้ายไปเลย พลังในตอนนั้นของเธอมากมายจนเหนือยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วๆไปสักอีก พอคิดแบบนั้นเซสึนะจึงอยากให้เธอลงแข่งเพื่อให้เซนะกลับมาเก่งเท่าเดิมให้ได้
เซนะจึงขอตัวแยกไปคนเดียวบนดาดฟ้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน เมื่อสายถูกรับเธอจึงไม่รีรอที่จะพูดคุยกับเขา
"ฮัลโหลครับคุณโครโน่"
"มีอะไรหรอครับอาจาย์"
"ผมอยากขอให้คุณมาร่วมสู้ไปกับผม!"
หลังจากผ่านอะไรมาตั้งมากมายในที่สุดเซนะกับโซเฟียก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งโดยคราวนี้มียูกะเพิ่มมาด้วยทำให้การใช้ชีวิตในบ้านหลังเล็กๆกันสามคนจึงเริ่มต้นขึ้น หลังจากที่แต่งตัวกันเสร็จทั้งสามจึงเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นโดยมีพิเกียบินมาเกาะไหล่ของเซนะหลังจากที่ไม่รู้ไปอยู่ไหนมา
เซนะจึงถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
"ไปไหนมาอ่ะพิเกีย"
"ทำงานๆฉันเองก็มีงานทำนะเฟ้ย!"
"จริงอ่ะ!"
"จริงดิ!"
แต่เซนะไม่เชื่อจึงเตรียมถามต่อ
"แล้วทำงานอะไรอ่ะ"
"เด็กๆไม่ต้องรู้หรอก"
แง่ม~! เธอถึงกับทำแก้มป่องเมื่อถูกพิเกียปฏิเสธที่จะตอบ
ส่วนอีกสองคนที่ตามมาด้วยกันจึงได้แต่หัวเราะออกมา อันที่จริงหน้าตอนงอนของแต่ละคนนั้นส่วนมากจะไม่ค่อยน่าดูแต่สำหรับเธอยิ่งงอนมากยิ่งน่ารัก
มันทำให้พิเกียถึงกับพลอยยิ้มตามไปด้วยเลย
"งอนอยู่หรอเซนะ~!"
"เปล่านิ!"
"งอนอยู่สินะ"
"ก็บอกว่าไม่ใช่่ไง!"
"งอนอยู่จริงๆด้วย" เธอที่ถูกจับได้จึงหน้าแดงขึ้นพร้อมกับพูดปฏิเสธด้วยท่าทีลนลานแต่ก็เท่านั้นเพราะมันยิ่งเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองมากขึ้น สุดท้ายฝ่ายที่แพ้ก็คือเซนะ เธอในตอนนี้หน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้ว พิเกียจึงบินเข้ามาใกล้พร้อมกับใช้ปีกลูบหัวเธอเบาๆ
สำหรับพิเกียเซนะก็เปรียบได้กับลูกสาวคนนึงเลย จึงไม่แปลกที่เจ้าตัวจะเอาใจใส่เซนะอยู่เสมอ
"ไม่เป็นไรหรอกเซนะ เธอจะงอนกลับฉันบ้างก็ได้ฉันไม่ว่าอะไรเธอหรอก"
"อื่อ...!"
หน้าของเด็กสาวค่อยๆกลับมาสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ในตอนนั้นเองสายตาของเซนะที่มองพิเกียก็ได้แปลกไป คนที่สังเกตุเห็นถึงเรื่องนี้ก็มีแค่เซสึนะคนเดียวเท่านั้น
....อะไรกัน! สายตาแบบนั้นมันอะไรกัน เราตั้งแค่อยู่ด้วยกันกลับเซนะก็ยังไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย!!?
ในไม่ช้าเซนะก็ได้พูดขึ้น
"นี่พิเกียสำหรับฉันแล้วพิเกียเป็นอะไรอย่างงั้นหรอ.."
"ลูกของเพื่อนที่ฉันต้องดูแล ก็แค่นั้นแหละ"
สาวน้อยถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เธอตกใจในหลายๆอย่างที่พิเกียพูดขึ้นมาจนเธอต้องเงียบลงไปเพื่อขอเวลาในการคิด เธอคิดจนเดินมาถึงหน้าโรงเรียนแล้วเธอก็ยังคิดไม่ออก
ในขณะที่กำลังคิดอยู่เธอก็เหลือบไปเห็นโอริกามิกับมุเก็นกำลังตะลุมบอนตีกันอยู่ เธอจึงหยุดคิดแล้วรีบวิ่งไปแยกทั้งสองออกจากกันแต่เนื่องจากเพราะเป็นเธอจึงไม่สามารถห้ามสองคนนี้ได้สุดท้ายยูกะกับเซสึนะก็ต้องมาห้าม
ช่วงเช้าของวันจึงจบลงด้วยประการนี้
เข้าสู่ช่วงบ่ายซึ่งเป็นตอนพักกลางวันพอดี
เมื่อคืนของวันเซสึนะได้เล่าเรื่องสมาชิกของทีมที่ตนไปเลือกมาให้กับเซนะได้ฟังซึ่งก็มี เซนะ เซสึนะ ฮิคาริ โอริกามิ ดี อามาเนะ รวม 6 คน ซึ่งยังขาดอีกคนนึงถึงจะครบทีม ในตอนแรกเซนะก็ไม่คิดที่จะลงแต่เพราะการโน้มน้าวของยูกะจึงทำให้เซนะเปลี่ยนใจได้สำเร็จ
สาเหตุที่เซสึนะอยากจะให้เซนะลงให้ได้ก็เพราะเขาเห็นว่าเธอยังคาดประสบการณ์อีกเยอะเมื่อเทียบกับตัวเองในอดีต ในตอนนั้นเซนะแทบจะเทพจนเขายังต้องชิดซ้ายไปเลย พลังในตอนนั้นของเธอมากมายจนเหนือยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วๆไปสักอีก พอคิดแบบนั้นเซสึนะจึงอยากให้เธอลงแข่งเพื่อให้เซนะกลับมาเก่งเท่าเดิมให้ได้
เซนะจึงขอตัวแยกไปคนเดียวบนดาดฟ้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน เมื่อสายถูกรับเธอจึงไม่รีรอที่จะพูดคุยกับเขา
"ฮัลโหลครับคุณโครโน่"
"มีอะไรหรอครับอาจาย์"
"ผมอยากขอให้คุณมาร่วมสู้ไปกับผม!"
หน้าที่ 107
หลังจากที่สนทนากันอามาเนะก็เตรียมจะไปอาบน้ำแต่แล้วอยู่ๆโทรศัพท์ตนก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง เธอจึงรีบวิ่งมากดรับสายแล้วตวาดใส่มันอย่าง
ฉุนเฉียว
"เดี๋ยวแม่ตบดิ้นเลยจะโทรมาอีกทำไมมิทราบ"
"จะตบแม่อย่างงั้นหรอ~!"
เธอถึงกับหน้าซีดทันทีที่ได้ยินเสียงของคนโทรและเพื่อความชัวร์เธอจึงมองไปดูรายชื่อคนโทรเข้า ชัดเจน ท่านแม่!!!... สาวน้อยจึงรีบปรับอารมณ์อย่างไว
"ข..ขอโทษค่ะท่านแม่หนูนึกว่าเป็นเพื่อนของหนูหนูก็เลย..."
"เพื่อนรักทักกันแรงจังนะ"
เธอถึงกับเถียงไม่ออก แม่ของอามาเนะนั้นเป็นแค่คนธรรมดาที่ทำธุรกิจเล็กๆอย่างการเดินเรือข้ามสมุทรข้ามทวีปจนรวยเป็นอันดับสองรองจากแม่ของโอริกามิ
ในตอนเด็กๆเธอกับแม่อาศัยอยู่ด้วยกันและท่านก็คอยสอนสั่ง
เธออยู่เสมอสำหรับเธอนั้นชื่นชมในตัวของท่านแม่จนหมดใจ เธออยากเป็นแบบท่าน เธออยากจะเก่งได้แบบท่าน อยากทำได้แบบท่าน เธออยากจะเป็นเหมือนกับท่าน
และที่สำคัญเธอไม่อยากทำให้ท่านแม่ผิดหวัง
"หนูผิดเองคะ" เธอสำนึกผิดหมดใจ
"วันหลังอย่าทำอีกนะจ่ะอามาเนะ"
"ค่า~!"
"เอาล่ะเข้าเรื่องนะจ่ะที่แม่โทรมาวันนี้ก็เพราะอยากจะให้ลูกช่วยเพื่อนลูกสู้ด้วยนะจ่ะ"
"ให้สามัคคีกับเพื่อนสินะคะ หนูได้ยินคุณแม่พูดจนหนูจำได้ขึ้นใจแล้ว" ตอนเด็กๆเธอได้รับการสั่งสอนมาแบบจัดเต็มยิ่งกว่าอาหารสามมื้อสักอีกแต่เธอก็ไม่ได้ไม่ชอบและฝึกฝนจนสำเร็จวิชาได้ในที่สุด
และเพราะผลลัพธ์ของมันจึงทำให้เธอได้รับสมญานามว่าแข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียนฮาคุโอตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียน
"ขอบใจมากนะจ่ะที่จำได้"
"แค่นี้ใช่ไหมคะ"
"แค่นี้แหละ" สายได้ถูกตัดอีกครั้ง ในครั้งนี้มันทำให้เธออยากเอาจริงขึ้นมานิดนึงเพราะการได้คุยกับท่านแม่ของตน
อีกทางด้านหนึ่งที่โรงเรียนชิโอมิเพราะเมื่อคืนมีเรื่องของเซนะกับโซเฟียจึงทำให้เซนะไม่กลับมาบ้านของโอริกามิเพิ่มเติมมาคือเธอไปอยู่กับเซสึนะแทนเพราะงั้นเช้าของวันนี้โอริกามิจึงเดินมาโรงเรียนคนเดียวกับมุเก็นแทน
ไหล่ของเธอได้ตกลงพร้อมกับไหล่ของมุเก็น
"เอาน่าๆ ยังไงก็ได้เจอกันที่โรงเรียนอยู่ดี"
"ก็มันไม่ใช่นี่น่า~!" สาวน้อยได้ตระโกนใส่มังกรจิ๋วด้วยความเสียใจ
"ฉันอยากอยู่กับเซนะตลอดเวลานี่น่า"
"ชั่งมันเตอะ!"
\\ ชั่งไม่ได้นะ! // สาวน้อยตระโกนลั่นออกมาใกล้ๆกับหูของมุเก็นทำเอาเจ้าตัวถึงกับร่วงลงมาร้องโอดครวญ
"หูช๊าน~!"
เธอไม่สนใจมุเก็นแล้วเริ่มบ่นความในใจของตนเองออกมา
"เค้าอยากอ้อนเซนะอ๊า~!"
"ก็อ้อนอยู่ทุกวันไม่ใช่หรอ~!!!"
"เค้าอยากอาบน้ำให้เซนะอ๊า~!"
"ปล่อยเค้าอาบเองเตอะ!"
"เค้าอยากทำอย่างนู้นอย่างนี้กับเซนะอ๊า~!"
"สุดท้ายเธอก็คิดแต่เรื่องแบบนั้นนี่หว่า~!!!"
มุเก็นถึงกับแยกเขี้ยวตวาด นั่นจึงทำให้เกิดการชกต่อยกันเกิดขึ้นโดยมุเก็นกับโอริกามิทะเลาะกันตรงหน้าทางเข้าประตูโรงเรียน ทำเอาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงกับเอือมระอา
หลังจากที่สนทนากันอามาเนะก็เตรียมจะไปอาบน้ำแต่แล้วอยู่ๆโทรศัพท์ตนก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง เธอจึงรีบวิ่งมากดรับสายแล้วตวาดใส่มันอย่าง
ฉุนเฉียว
"เดี๋ยวแม่ตบดิ้นเลยจะโทรมาอีกทำไมมิทราบ"
"จะตบแม่อย่างงั้นหรอ~!"
เธอถึงกับหน้าซีดทันทีที่ได้ยินเสียงของคนโทรและเพื่อความชัวร์เธอจึงมองไปดูรายชื่อคนโทรเข้า ชัดเจน ท่านแม่!!!... สาวน้อยจึงรีบปรับอารมณ์อย่างไว
"ข..ขอโทษค่ะท่านแม่หนูนึกว่าเป็นเพื่อนของหนูหนูก็เลย..."
"เพื่อนรักทักกันแรงจังนะ"
เธอถึงกับเถียงไม่ออก แม่ของอามาเนะนั้นเป็นแค่คนธรรมดาที่ทำธุรกิจเล็กๆอย่างการเดินเรือข้ามสมุทรข้ามทวีปจนรวยเป็นอันดับสองรองจากแม่ของโอริกามิ
ในตอนเด็กๆเธอกับแม่อาศัยอยู่ด้วยกันและท่านก็คอยสอนสั่ง
เธออยู่เสมอสำหรับเธอนั้นชื่นชมในตัวของท่านแม่จนหมดใจ เธออยากเป็นแบบท่าน เธออยากจะเก่งได้แบบท่าน อยากทำได้แบบท่าน เธออยากจะเป็นเหมือนกับท่าน
และที่สำคัญเธอไม่อยากทำให้ท่านแม่ผิดหวัง
"หนูผิดเองคะ" เธอสำนึกผิดหมดใจ
"วันหลังอย่าทำอีกนะจ่ะอามาเนะ"
"ค่า~!"
"เอาล่ะเข้าเรื่องนะจ่ะที่แม่โทรมาวันนี้ก็เพราะอยากจะให้ลูกช่วยเพื่อนลูกสู้ด้วยนะจ่ะ"
"ให้สามัคคีกับเพื่อนสินะคะ หนูได้ยินคุณแม่พูดจนหนูจำได้ขึ้นใจแล้ว" ตอนเด็กๆเธอได้รับการสั่งสอนมาแบบจัดเต็มยิ่งกว่าอาหารสามมื้อสักอีกแต่เธอก็ไม่ได้ไม่ชอบและฝึกฝนจนสำเร็จวิชาได้ในที่สุด
และเพราะผลลัพธ์ของมันจึงทำให้เธอได้รับสมญานามว่าแข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียนฮาคุโอตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียน
"ขอบใจมากนะจ่ะที่จำได้"
"แค่นี้ใช่ไหมคะ"
"แค่นี้แหละ" สายได้ถูกตัดอีกครั้ง ในครั้งนี้มันทำให้เธออยากเอาจริงขึ้นมานิดนึงเพราะการได้คุยกับท่านแม่ของตน
อีกทางด้านหนึ่งที่โรงเรียนชิโอมิเพราะเมื่อคืนมีเรื่องของเซนะกับโซเฟียจึงทำให้เซนะไม่กลับมาบ้านของโอริกามิเพิ่มเติมมาคือเธอไปอยู่กับเซสึนะแทนเพราะงั้นเช้าของวันนี้โอริกามิจึงเดินมาโรงเรียนคนเดียวกับมุเก็นแทน
ไหล่ของเธอได้ตกลงพร้อมกับไหล่ของมุเก็น
"เอาน่าๆ ยังไงก็ได้เจอกันที่โรงเรียนอยู่ดี"
"ก็มันไม่ใช่นี่น่า~!" สาวน้อยได้ตระโกนใส่มังกรจิ๋วด้วยความเสียใจ
"ฉันอยากอยู่กับเซนะตลอดเวลานี่น่า"
"ชั่งมันเตอะ!"
\\ ชั่งไม่ได้นะ! // สาวน้อยตระโกนลั่นออกมาใกล้ๆกับหูของมุเก็นทำเอาเจ้าตัวถึงกับร่วงลงมาร้องโอดครวญ
"หูช๊าน~!"
เธอไม่สนใจมุเก็นแล้วเริ่มบ่นความในใจของตนเองออกมา
"เค้าอยากอ้อนเซนะอ๊า~!"
"ก็อ้อนอยู่ทุกวันไม่ใช่หรอ~!!!"
"เค้าอยากอาบน้ำให้เซนะอ๊า~!"
"ปล่อยเค้าอาบเองเตอะ!"
"เค้าอยากทำอย่างนู้นอย่างนี้กับเซนะอ๊า~!"
"สุดท้ายเธอก็คิดแต่เรื่องแบบนั้นนี่หว่า~!!!"
มุเก็นถึงกับแยกเขี้ยวตวาด นั่นจึงทำให้เกิดการชกต่อยกันเกิดขึ้นโดยมุเก็นกับโอริกามิทะเลาะกันตรงหน้าทางเข้าประตูโรงเรียน ทำเอาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงกับเอือมระอา
หน้าที่ 106
เจ้าหญิงของจักรวาล เธอพำนักอยู่ที่ เอเวอร์การ์เด้น เกาะลอยฟ้าที่อยู่เหนือขึ้นไปอีกจากจัดรวาลที่ 1 ซึ่งที่นั่นมีสถานที่ที่งดงามจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์ได้เลย มันมีชื่อว่า สวนอีเด็น
หลังจากที่โอดินได้ข้อสรุปจึงรีบเทเลพอร์ทมายังเอเวอร์การ์เด้นทันที ที่นี่มีม่านพลังรวมถึงการป้องกันระดับสูงชนิดที่ว่ามดสักตัวก็ยังฝ่าเข้ามาไม่ได้และเพราะเนื่องจากเป็นโอดินเขาจึงสามารถผ่านมาได้ไม่ยาก
ทางเดินนั้นทำจากวัสดุที่แข็งยิ่งกว่าเพชรพร้อมกับสามารถเลื่อนไปข้างหน้าได้ราวกับบันได้เลื่อน เพียงไม่ถึง 10 นาทีตัวเขาก็มาถึงยังหน้าประตูของห้องๆหนึ่งซึ่งที่นี่เป็นที่ที่คานาเลียชอบอยู่ เมื่อเดินเข้ามาใกล้ประตูจึงเปิดออก
สิ่งที่ชายแก่ได้พบหลังจากประตูเปิดคือสวนที่มีดอกไม้สวยงามและต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เห็นเด่นชัดอยู่เบื้องหน้า เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหมดต่างพากันมารวมอยู่ตรงจุดๆเดียวซึ่งก็คือใต้ตันไม้ใหญ่
โอดินจึงค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆเพื่อสัมผัสกับที่นี่อย่างเต็มอิ่ม ตัวเขาที่ค่อยๆเดินได้เริ่มมองไปเห็นคนๆหนึ่งที่กำลังเล่นกับเหล่าสรรพสัตว์อยู่ เธอคือ คานาเลีย
หญิงสาวที่เห็นโอดินจึงส่งยิ้มให้
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ"
" 2 เดือนกับอีก 5 วันได้ครับ"
ชายแก่รีบเปลี่ยนท่าเป็นท่าคุกเข่าทันที
"วันนี้ตัวผมมีเรื่องจะรายงานให้ท่านทราบครับ"
"ฉันอนุมัติค่ะ" เธอก็เหมือนกับเซนะมิโกะสายเลิอดแท้ที่มีพลังในการหยั่งรู้อนาคตจึงไม่แปลกที่เธอจะรู้ถึงเหตุการณ์ในที่ประชุมที่เพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อเร็วๆนี้ โอดินเองก็รู้ถึงพลังนี้ดีจึงไม่ตกใจ
"รับทราบแล้วครับ" ชายแก่รีบลุกขึ้นพร้อมกับสะบัดผ้าคลุมหันหลังให้กับหญิงสาวก่อนจะก้าวท้าวเดินออกไป
...พลังในการหยั่งรู้อนาคตนี่สินะคือพลังของราชาหากท่านคานาเลียยังคงอยู่ lightlord ก็ไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน
หลังจากที่กลับมายังที่ประชุมทุกคนก็ได้หันกลับมาสนใจโอดินอีกครั้ง
"ท่านคานาเลียอนุมัติแล้วเพราะงั้นเราจะให้จักรวาลไร้อันดับได้เข้าแข่งขันรีบแจกจ่ายบัตรเชิญให้กับตัวแทนของแต่ละจักรวาลโดยเร็วที่สุด อีก 5 วันงานประลองจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง!!!"
ทุกคนในสภาต่างขานรับเขา
ไม่นาน เบลเซ่กับอีคริฟก็ได้เทเลพอร์ทออกจากที่ประชุม ตามมาด้วยไกอา ไซโอ และคนอื่นๆจนในที่สุดก็เหลือแต่โอดินคนเดียวในที่ประชุม และเพราะเรื่องราวข้างต้นนี่จึงเป็นเหตุให้มีบัตรเชิญมาถึงเซนะ
ในเช้าของวันรุ่งขึ้นซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 4 วันก่อนงานแข่งจะเริ่ม อยู่ๆก็มีเสียงดังจากโทรศัพท์ของใครบางคนก็ได้ดังขึ้น สาวน้อยเจ้าของโทรศัพท์จึงลุกขึ้นจากเตียงในสภาพเสื้อเชิ๊ตตัวเดียวแถมยังไม่ติดกระดุมให้เรียบร้อยจนเผยให้เห็นหน้าอกหน้าใจสุดยิ่งใหญ่กับแพนตี้สุดเซ็กซี่
เธอได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านชื่อของคนโทรมาซึ่งชื่อที่ปรากฏขึ้นมาก็คือ เซเรน่า เธอจึงรีบรับสายแล้วตวาดไปทีนึง
"โทรมาทำไมมิทราบ~!!!"
"โทษทีๆพอดีฉันอยากขอให้เธอมาเข้าร่วมศึกตัวแทนจักรวาลน่ะ ได้ม่ะๆ"
"ก็ได้อยู่หรอกแต่ฉันขอแข่งแบบเล่นๆนะ ขี้เกียจเอาจริง"
"จ้าๆ แค่นี้นะ bye~!"
เจ้าหญิงของจักรวาล เธอพำนักอยู่ที่ เอเวอร์การ์เด้น เกาะลอยฟ้าที่อยู่เหนือขึ้นไปอีกจากจัดรวาลที่ 1 ซึ่งที่นั่นมีสถานที่ที่งดงามจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์ได้เลย มันมีชื่อว่า สวนอีเด็น
หลังจากที่โอดินได้ข้อสรุปจึงรีบเทเลพอร์ทมายังเอเวอร์การ์เด้นทันที ที่นี่มีม่านพลังรวมถึงการป้องกันระดับสูงชนิดที่ว่ามดสักตัวก็ยังฝ่าเข้ามาไม่ได้และเพราะเนื่องจากเป็นโอดินเขาจึงสามารถผ่านมาได้ไม่ยาก
ทางเดินนั้นทำจากวัสดุที่แข็งยิ่งกว่าเพชรพร้อมกับสามารถเลื่อนไปข้างหน้าได้ราวกับบันได้เลื่อน เพียงไม่ถึง 10 นาทีตัวเขาก็มาถึงยังหน้าประตูของห้องๆหนึ่งซึ่งที่นี่เป็นที่ที่คานาเลียชอบอยู่ เมื่อเดินเข้ามาใกล้ประตูจึงเปิดออก
สิ่งที่ชายแก่ได้พบหลังจากประตูเปิดคือสวนที่มีดอกไม้สวยงามและต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เห็นเด่นชัดอยู่เบื้องหน้า เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหมดต่างพากันมารวมอยู่ตรงจุดๆเดียวซึ่งก็คือใต้ตันไม้ใหญ่
โอดินจึงค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆเพื่อสัมผัสกับที่นี่อย่างเต็มอิ่ม ตัวเขาที่ค่อยๆเดินได้เริ่มมองไปเห็นคนๆหนึ่งที่กำลังเล่นกับเหล่าสรรพสัตว์อยู่ เธอคือ คานาเลีย
หญิงสาวที่เห็นโอดินจึงส่งยิ้มให้
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ"
" 2 เดือนกับอีก 5 วันได้ครับ"
ชายแก่รีบเปลี่ยนท่าเป็นท่าคุกเข่าทันที
"วันนี้ตัวผมมีเรื่องจะรายงานให้ท่านทราบครับ"
"ฉันอนุมัติค่ะ" เธอก็เหมือนกับเซนะมิโกะสายเลิอดแท้ที่มีพลังในการหยั่งรู้อนาคตจึงไม่แปลกที่เธอจะรู้ถึงเหตุการณ์ในที่ประชุมที่เพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อเร็วๆนี้ โอดินเองก็รู้ถึงพลังนี้ดีจึงไม่ตกใจ
"รับทราบแล้วครับ" ชายแก่รีบลุกขึ้นพร้อมกับสะบัดผ้าคลุมหันหลังให้กับหญิงสาวก่อนจะก้าวท้าวเดินออกไป
...พลังในการหยั่งรู้อนาคตนี่สินะคือพลังของราชาหากท่านคานาเลียยังคงอยู่ lightlord ก็ไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน
หลังจากที่กลับมายังที่ประชุมทุกคนก็ได้หันกลับมาสนใจโอดินอีกครั้ง
"ท่านคานาเลียอนุมัติแล้วเพราะงั้นเราจะให้จักรวาลไร้อันดับได้เข้าแข่งขันรีบแจกจ่ายบัตรเชิญให้กับตัวแทนของแต่ละจักรวาลโดยเร็วที่สุด อีก 5 วันงานประลองจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง!!!"
ทุกคนในสภาต่างขานรับเขา
ไม่นาน เบลเซ่กับอีคริฟก็ได้เทเลพอร์ทออกจากที่ประชุม ตามมาด้วยไกอา ไซโอ และคนอื่นๆจนในที่สุดก็เหลือแต่โอดินคนเดียวในที่ประชุม และเพราะเรื่องราวข้างต้นนี่จึงเป็นเหตุให้มีบัตรเชิญมาถึงเซนะ
ในเช้าของวันรุ่งขึ้นซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 4 วันก่อนงานแข่งจะเริ่ม อยู่ๆก็มีเสียงดังจากโทรศัพท์ของใครบางคนก็ได้ดังขึ้น สาวน้อยเจ้าของโทรศัพท์จึงลุกขึ้นจากเตียงในสภาพเสื้อเชิ๊ตตัวเดียวแถมยังไม่ติดกระดุมให้เรียบร้อยจนเผยให้เห็นหน้าอกหน้าใจสุดยิ่งใหญ่กับแพนตี้สุดเซ็กซี่
เธอได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านชื่อของคนโทรมาซึ่งชื่อที่ปรากฏขึ้นมาก็คือ เซเรน่า เธอจึงรีบรับสายแล้วตวาดไปทีนึง
"โทรมาทำไมมิทราบ~!!!"
"โทษทีๆพอดีฉันอยากขอให้เธอมาเข้าร่วมศึกตัวแทนจักรวาลน่ะ ได้ม่ะๆ"
"ก็ได้อยู่หรอกแต่ฉันขอแข่งแบบเล่นๆนะ ขี้เกียจเอาจริง"
"จ้าๆ แค่นี้นะ bye~!"
หน้าที่ 105
ชายหนุ่มได้เปิดแถบสีฟ้าให้ทุกคนดูรวมถึงสร้างแท็บอันใหญ่อีกอันออกมาตรงโอดินและแท็บนั่นก็ค่อยๆเล่นวิดีโอของมันไปเรื่อยๆมันเป็นเรื่องราวการต่อสู้อันห้าวหาญของเด็กสาวและผองเพื่อน พวกเขาต่างต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งสำคัญหลายๆอย่างของพวกตนจนในที่สุดข่าวคราวเกี่ยวกับพวกเขาก็ได้แพร่สะพัดออกมาจากในจักรวาลของตน เวน่อมได้ไปเห็นมันเข้าตอนที่กำลังเช็คงานของตนอยู่ที่สำนักงาน
และเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นนี้ก็คือเรื่องราวของพวกเซนะนั้นเอง
ทั้งที่ประชุมต่างพากันจับจ้องไปที่วิดีโออย่างใจจดใจจ่อ ถ้าหากเป็นการ์ตูนพวกเขาก็ยังพอรับได้แต่นี้คือของจริงและเด็กสาวที่อยู่ในภาพก็ได้
ทำมันจริงๆ เธอสามารถเอาชนะคนจากอนาคตลงได้ โค่นราชาของมิติที่สี่ กอบกู้อนาคตจากเทพจักรกลสุดชั่วร้าย เป็นผู้ยุติสงครามความฝัน เอาชนะ duolord ทั้ง 7 ที่เป็นตำนาน แถมยังสามารถเอาชนะ Master king ของมิตินั้นลงได้
การกระทำของเธอจึงเป็นที่สนอกสนใจของทุกคนเป็นอย่างมากจนถึงขั้นโอดินต้องพูดขึ้นมา
"นี่เด็กชายคนนี้เป็นใครกันแน่!?"
"เธอเป็นเด็กผู้หญิงไม่ใช่เด็กผู้ชาย"
"ผู้หญิง!!" ทุกคนต่างพร้อมใจกันพูดขึ้นราวกับนัดกันมา
"เธอเป็นเด็กสาวนามว่า ชิราสากิ เซนะ เธอเป็นเด็กสาวที่จำอะไรไม่ได้แถมไม่มีพลังและเกือบท้ายคลิปทุกคนคงจะได้เห็นกันแล้วเรื่องที่รองขุนพลของฝั่ง darklord พูดขึ้น" เวน่อมที่พูดจบจึงได้กวาดตาไปที่ทุกคนในที่ประชุมในตอนนี้ทุกคนในสภาอยู่ในสภาพที่ถึงกับเหงื่อตก
ในสิ่งที่เฮเรน่าได้พูดขึ้นทุกคนพอสรุปได้แล้วว่า เด็กสาวนามว่าเซนะเป็นที่หมายปองของ darklord แต่เพราะอะไรกันล่ะ!?
"เด็กคนนี้เป็นอะไรกับ darklord กันแน่???"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ที่ๆเธอเรียนอยู่กับมีผู้พิทักษ์ของท่านคานาเลียอยู่ครบทุกคนและเมื่อไม่นานมานี้ก็มีการพบกันของรองขุนพลระหว่างdarklord กับ lightlord เกิดขึ้นด้วยแถมข่าวที่ฉันได้มาล่าสุด duo ของเธอคือสมาชิกของ darklord อีกด้วย"
"เป็นเด็กสาวที่เต็มไปด้วยปริศนามากมายเลยงั้นสินะ"โอดินได้นั่งลงพร้อมกับลูบเคราของตนไปมา เขากำลังใช้สมาธิเพื่อเชื่อมโยงเรื่องทุกอย่างอยู่ ในขณะนั้นเอง J ก็ได้ออกความเห็นขึ้นมา ตัวเขามีพลังพิเศษบางอย่างจึงทำให้จิตรสังหารของเวน่อมไม่ได้ผลใดๆกับเขาเลยทั้งสิ้น
"เราควรที่จะฆ่าเธอซะหากมีความเกี่ยวเนื่องกับ darklord ขนาดนี้"
"ใจเย็นก่อน J ฉันคิดว่าหากฆ่าเธอซะอาจจะมีอะไรร้ายแรงตามมาก็ได้" ไกอาได้พูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง ไกอาเองก็มีพลังพิเศษที่ทำให้จิตสังหารของเวน่อมนั้นไม่มีผลเหมือนกัน เพราะงั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงพูดได้
"ฉันพอจะเข้าใจนายแล้วว่าทำไมนายถึงเลือกเขาให้มาเข้าร่วมงานนี้เวน่อม นายอยากจะพิสูจน์ว่าเด็กคนนี้เป็นภัยต่อพวกเราหรือไม่งั้นสินะ"
"ก็ประมาณนั้น" เขาเหยียดยิ้มให้กับไซโอก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ ตัวเขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าไซโอจะรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของเขาได้ชัดเจนแจ่มแจ้งแบบนี้ ไซโอเองก็พอๆกับไกอาตัวเขามีร่างกายที่สามารถทนทานต่อทุกจิตสังหารได้จึงไม่แปลกที่จะสามารถพูดตอบโต้ได้ตามปกติ
และแล้วในระหว่างที่คุยกันโอดินก็ได้ข้อสรุปของเรื่องนี้ เขาได้ใช้ไม้เท้าของตนเคาะที่พื้นเบาๆเพื่อคลายจิตสังหารของเวน่อมออกทั้งหมด
"ฉันจะไปหาท่านคานาเลียเพื่อขอการอนุมัติจากท่านให้จักรวาลนี้เข้าร่วมงานประลองได้!"
ชายหนุ่มได้เปิดแถบสีฟ้าให้ทุกคนดูรวมถึงสร้างแท็บอันใหญ่อีกอันออกมาตรงโอดินและแท็บนั่นก็ค่อยๆเล่นวิดีโอของมันไปเรื่อยๆมันเป็นเรื่องราวการต่อสู้อันห้าวหาญของเด็กสาวและผองเพื่อน พวกเขาต่างต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งสำคัญหลายๆอย่างของพวกตนจนในที่สุดข่าวคราวเกี่ยวกับพวกเขาก็ได้แพร่สะพัดออกมาจากในจักรวาลของตน เวน่อมได้ไปเห็นมันเข้าตอนที่กำลังเช็คงานของตนอยู่ที่สำนักงาน
และเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นนี้ก็คือเรื่องราวของพวกเซนะนั้นเอง
ทั้งที่ประชุมต่างพากันจับจ้องไปที่วิดีโออย่างใจจดใจจ่อ ถ้าหากเป็นการ์ตูนพวกเขาก็ยังพอรับได้แต่นี้คือของจริงและเด็กสาวที่อยู่ในภาพก็ได้
ทำมันจริงๆ เธอสามารถเอาชนะคนจากอนาคตลงได้ โค่นราชาของมิติที่สี่ กอบกู้อนาคตจากเทพจักรกลสุดชั่วร้าย เป็นผู้ยุติสงครามความฝัน เอาชนะ duolord ทั้ง 7 ที่เป็นตำนาน แถมยังสามารถเอาชนะ Master king ของมิตินั้นลงได้
การกระทำของเธอจึงเป็นที่สนอกสนใจของทุกคนเป็นอย่างมากจนถึงขั้นโอดินต้องพูดขึ้นมา
"นี่เด็กชายคนนี้เป็นใครกันแน่!?"
"เธอเป็นเด็กผู้หญิงไม่ใช่เด็กผู้ชาย"
"ผู้หญิง!!" ทุกคนต่างพร้อมใจกันพูดขึ้นราวกับนัดกันมา
"เธอเป็นเด็กสาวนามว่า ชิราสากิ เซนะ เธอเป็นเด็กสาวที่จำอะไรไม่ได้แถมไม่มีพลังและเกือบท้ายคลิปทุกคนคงจะได้เห็นกันแล้วเรื่องที่รองขุนพลของฝั่ง darklord พูดขึ้น" เวน่อมที่พูดจบจึงได้กวาดตาไปที่ทุกคนในที่ประชุมในตอนนี้ทุกคนในสภาอยู่ในสภาพที่ถึงกับเหงื่อตก
ในสิ่งที่เฮเรน่าได้พูดขึ้นทุกคนพอสรุปได้แล้วว่า เด็กสาวนามว่าเซนะเป็นที่หมายปองของ darklord แต่เพราะอะไรกันล่ะ!?
"เด็กคนนี้เป็นอะไรกับ darklord กันแน่???"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ที่ๆเธอเรียนอยู่กับมีผู้พิทักษ์ของท่านคานาเลียอยู่ครบทุกคนและเมื่อไม่นานมานี้ก็มีการพบกันของรองขุนพลระหว่างdarklord กับ lightlord เกิดขึ้นด้วยแถมข่าวที่ฉันได้มาล่าสุด duo ของเธอคือสมาชิกของ darklord อีกด้วย"
"เป็นเด็กสาวที่เต็มไปด้วยปริศนามากมายเลยงั้นสินะ"โอดินได้นั่งลงพร้อมกับลูบเคราของตนไปมา เขากำลังใช้สมาธิเพื่อเชื่อมโยงเรื่องทุกอย่างอยู่ ในขณะนั้นเอง J ก็ได้ออกความเห็นขึ้นมา ตัวเขามีพลังพิเศษบางอย่างจึงทำให้จิตรสังหารของเวน่อมไม่ได้ผลใดๆกับเขาเลยทั้งสิ้น
"เราควรที่จะฆ่าเธอซะหากมีความเกี่ยวเนื่องกับ darklord ขนาดนี้"
"ใจเย็นก่อน J ฉันคิดว่าหากฆ่าเธอซะอาจจะมีอะไรร้ายแรงตามมาก็ได้" ไกอาได้พูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง ไกอาเองก็มีพลังพิเศษที่ทำให้จิตสังหารของเวน่อมนั้นไม่มีผลเหมือนกัน เพราะงั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงพูดได้
"ฉันพอจะเข้าใจนายแล้วว่าทำไมนายถึงเลือกเขาให้มาเข้าร่วมงานนี้เวน่อม นายอยากจะพิสูจน์ว่าเด็กคนนี้เป็นภัยต่อพวกเราหรือไม่งั้นสินะ"
"ก็ประมาณนั้น" เขาเหยียดยิ้มให้กับไซโอก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ ตัวเขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าไซโอจะรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของเขาได้ชัดเจนแจ่มแจ้งแบบนี้ ไซโอเองก็พอๆกับไกอาตัวเขามีร่างกายที่สามารถทนทานต่อทุกจิตสังหารได้จึงไม่แปลกที่จะสามารถพูดตอบโต้ได้ตามปกติ
และแล้วในระหว่างที่คุยกันโอดินก็ได้ข้อสรุปของเรื่องนี้ เขาได้ใช้ไม้เท้าของตนเคาะที่พื้นเบาๆเพื่อคลายจิตสังหารของเวน่อมออกทั้งหมด
"ฉันจะไปหาท่านคานาเลียเพื่อขอการอนุมัติจากท่านให้จักรวาลนี้เข้าร่วมงานประลองได้!"
หน้าที่ 104
ในตอนเริ่มการประชุมก็ได้เกิดข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการจัดการ darklord โอดินจึงได้จัดการด้วยการยื่นข้อเสนอใหม่นั่นก็คือการเพิ่มกำลังรบซึ่งเขาก็คิดว่านี่จะทำให้ความขัดแย้งยุติลงแต่เปล่าเลยทุกอย่างกับหนักขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากความเห็นที่แตกต่างกันในการเลือกสมาชิก
ไซโอได้ยื่นข้อเสนอต่อที่ประชุมเรื่องการที่จะนำ master king ของแต่ละจักรวาลมาช่วยในการสู้รบเพราะเนื่องจากฉายานี้จะได้มาก็ต่อเมื่อ
คนทั้งโลกยอมรับ แต่อีคลิฟก็ได้ค้านขึ้นมาเนื่องจากเธอนั้นคิดว่าเหล่า master king ในแต่ละโลกนั้นระดับพลังมันต่างกันและเกณฑ์ในการเลือกก็ต่างกันด้วย ทางด้านของไกอากับเวน่อมเองก็ไม่เห็นด้วยเช่นกันทำให้ข้อเสนอของไซโอเหมือนถูกปฏิเสธไปแล้ว กลับมาทางด้านของ j กับ เบลเซ่ที่ดันยื่นข้อเสนอออกมา
โดยทางด้านของ j ได้ขอให้เอากำลังพลมาจากจักรวาลที่ 1 ถึงจักรวาลที่ 50 เพื่อจำกัดวงกว้างในการเลือกสมาชิก
เดิมทีจักรวาลนั้นมีมากมายไพศาลโดยมีอีกหลายจักรวาลที่ยังไม่ถูกค้นพบและจักรวาลเหล่านั้นก็มีศักยภาพไม่เท่ากันโดยเคยมีการจัดอันดับของจักรวาลขึ้นมาและก็ได้เกิดลำดับของจักรวาลขึ้นโดยจักรวาลที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้ชื่อว่า จักวาลที่ 1 ยิ่งเข้าใกล้ 1 มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นจักรวาลที่แข็งแกร่งขึ้นมาก โดยคนของในสภานี้ก็มีจักรวาลที่ 1 ถึง 7 คนจากทั้ง 11 คน นอกนั้นก็เป็นคนจากจักรวาลที่ 2 , 3 , 4 ตามลำดับ ในศึกงานประลองในอดีตนั้นจักรวาลของพวกเซนะได้ทำการถอนตัวไปตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มการแข่งและคู่แรกของพวกเขาก็คือคนของจักรวาลที่ 1 ในตอนนั้นเพราะการสละสิทธิ์อย่างกระทันหันจึงทำให้ทุกจักรวาลประนามคนของจักรวาลนี้ บางคนก็บอกว่าไม่กล้าสู้กับจักรวาลที่ 1 บางคนก็บอกว่าคนของจักรวาลนี้ขี้ขลาด และผลจากการที่จักรวาลนี้ถอนตัวไปจักรวาลของพวกเซนะจึงได้เป็น ไร้อันดับ หรือก็คือ อ่อนแอที่สุดในทุกจัดรวาลนั่นเอง
ทางด้านของเบลเซ่จึงพูดเสริมต่อจากของ j โดยขอให้มีการจัดการประลองกันขึ้นมาให้เหมือนกับในอดีตเพื่อหาตัวแทนจากทุกจักรวาลเพราะเนื่องจากทุกจักรวาลต่างก็มีศักยภาพเพิ่มขึ้นกว่าอดีตบางทีในงานนี้อาจจะมีจักรวาลที่แข็งแกร่งจนพอฟัดพอเหวี่ยงกับจักรวาลที่ 1 ก็เป็นได้ สิ่งที่เบลเซ่เล็งเอาไว้ลึกๆภายในใจคือการเห็นจักรวาลที่ 1 ถูกโค่นลง และเป็นจักรวาลที่ 3 ของตนนั้นที่เป็นคนทำ
เขาคอยดูท่าทีของเหล่าผู้บริหารที่มาจากจักรวาลที่ 1 ซึ่งทุกคนก็ทำท่าชิวๆกัน พวกเขาต่างพากันรู้เจตนาของเบลเซ่แต่ก็ยังยิ้มอยู่ได้ เพราะว่าพวกเขานั้น ไม่มีทางแพ้!
"งั้นก็เอาตามนี้ไม่ใครค้านแล้วใช่ไหม"
"ครับ/ค่ะ"
"แต่ฉันมี!"
ทุกคนต่างพากันมองไปทางต้นเสียง
คนที่พูดก็คือเวน่อม ชายผู้เต็มไปด้วยปริศนา
"นายจะค้านอะไรอีกล่ะเวน่อม"
"หุบปาก!"
จิตสังหารของเขาแผ่ออกมาทั่วห้องประชุมและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้รับรู้ถึงพลังของเวน่อม อีคริฟที่ตอนแรกเถียงกับเวน่อมตอนนี้เธอกับตัวสั่นจนไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวคนหนึ่ง
จิตสังหารอะไรกัน แม้แต่คนอย่างเรายังถึงกับตัวสั่นได้เนี่ยนะ!?....
"มีอะไรก็ว่ามาสิเวน่อมเธอไม่ต้องใช้จิตรสังหารระดับนี้กับทุกคนก็ได้"
"ฉันไม่ต้องการคนเกะกะช่วยเข้าใจผมหน่อยจะได้ไหมปู่โอดิน"
"ถ้าอย่างนั้นก็ได้ มีอะไรก็ว่ามาสิเวน่อม!"
"ผมอยากจะขอเพิ่มอีกจักรวาลนึงเข้าไป"
"ถ้าหากเป็นจักรวาลที่ต่ำลงไปจนไม่เกินจากจักรวาลที่ 100 ก็พอรับได้อยู่" เนื่องจากความแข็งแกร่งที่ห่างกันเกินไปในอดีตจึงเคยมีคนตายเกิดขึ้นและเพื่อป้องกันเหตุการณ์นั้นจึงได้มีกฏบัญญัติเอาไว้ข้อนึงนั่นก็คือการ
ห้ามจักรวาลที่มีระดับต่างกันเกิน 50 สู้กันเอง
แต่ที่เวน่อมเล็งไว้มันช่างแหกยิ่งกว่ากฏ เพียงแค่เขาพูดทุกคนต่างก็ตกตระลึง
"จักวาลที่ผมจะขอคือ จักรวาลบ๊วย หรือก็คือ จักรวาลไร้อันดับนั่นเอง!"
"จะบ้าหรือยังไงเวน่อมนี่มันเท่ากับเป็นการฝ่าฝืนกฏของจักรวาลเชียวนะ!!"
โอดินได้ยืนขึ้นด้วยความตกตระลึง
"ในอดีตจักรวาลนั้นได้ถอนตัวไปจึงทำให้ไร้อันดับและถูกจักรวาลอื่นๆดูถูกบางทีถ้าพวกเขาเกิดลงแข่งขึ้นมาจริงๆพวกเขาอาจจะไม่ใช่จักรวาลที่อ่อนที่สุดก็เป็นได้!"
"นั่นมันก็อาจจะจริงแต่ถ้าหากว่าพวกเขาอ่อนแอจริงๆบางทีในงานนี้อาจจะมีคนตายเกิดขึ้นเหมือนครั้งในอดีตก็เป็นได้และงานนี้ก็มีจักรวาลอันดับต้นๆอยู่เต็มไปหมดหากไม่เก่งพอพวกเขาอาจจะได้รับบาดแผลทางใจเพิ่มไปอีกก็ได้!"
"แต่ผมว่ามันไม่เป็นอย่างนั้นหรอก..."
คราวนี้เป็นฝ่ายของเวน่อมที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ สายตาของทุกคนยิ่งทวีความสนใจไปที่เขามากยิ่งขึ้น
"เพราะผมเริ่มที่จะเห็นมันแล้วล่ะ ถึงพลังของจักรวาลนี้!"
ในตอนเริ่มการประชุมก็ได้เกิดข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการจัดการ darklord โอดินจึงได้จัดการด้วยการยื่นข้อเสนอใหม่นั่นก็คือการเพิ่มกำลังรบซึ่งเขาก็คิดว่านี่จะทำให้ความขัดแย้งยุติลงแต่เปล่าเลยทุกอย่างกับหนักขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากความเห็นที่แตกต่างกันในการเลือกสมาชิก
ไซโอได้ยื่นข้อเสนอต่อที่ประชุมเรื่องการที่จะนำ master king ของแต่ละจักรวาลมาช่วยในการสู้รบเพราะเนื่องจากฉายานี้จะได้มาก็ต่อเมื่อ
คนทั้งโลกยอมรับ แต่อีคลิฟก็ได้ค้านขึ้นมาเนื่องจากเธอนั้นคิดว่าเหล่า master king ในแต่ละโลกนั้นระดับพลังมันต่างกันและเกณฑ์ในการเลือกก็ต่างกันด้วย ทางด้านของไกอากับเวน่อมเองก็ไม่เห็นด้วยเช่นกันทำให้ข้อเสนอของไซโอเหมือนถูกปฏิเสธไปแล้ว กลับมาทางด้านของ j กับ เบลเซ่ที่ดันยื่นข้อเสนอออกมา
โดยทางด้านของ j ได้ขอให้เอากำลังพลมาจากจักรวาลที่ 1 ถึงจักรวาลที่ 50 เพื่อจำกัดวงกว้างในการเลือกสมาชิก
เดิมทีจักรวาลนั้นมีมากมายไพศาลโดยมีอีกหลายจักรวาลที่ยังไม่ถูกค้นพบและจักรวาลเหล่านั้นก็มีศักยภาพไม่เท่ากันโดยเคยมีการจัดอันดับของจักรวาลขึ้นมาและก็ได้เกิดลำดับของจักรวาลขึ้นโดยจักรวาลที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้ชื่อว่า จักวาลที่ 1 ยิ่งเข้าใกล้ 1 มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นจักรวาลที่แข็งแกร่งขึ้นมาก โดยคนของในสภานี้ก็มีจักรวาลที่ 1 ถึง 7 คนจากทั้ง 11 คน นอกนั้นก็เป็นคนจากจักรวาลที่ 2 , 3 , 4 ตามลำดับ ในศึกงานประลองในอดีตนั้นจักรวาลของพวกเซนะได้ทำการถอนตัวไปตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มการแข่งและคู่แรกของพวกเขาก็คือคนของจักรวาลที่ 1 ในตอนนั้นเพราะการสละสิทธิ์อย่างกระทันหันจึงทำให้ทุกจักรวาลประนามคนของจักรวาลนี้ บางคนก็บอกว่าไม่กล้าสู้กับจักรวาลที่ 1 บางคนก็บอกว่าคนของจักรวาลนี้ขี้ขลาด และผลจากการที่จักรวาลนี้ถอนตัวไปจักรวาลของพวกเซนะจึงได้เป็น ไร้อันดับ หรือก็คือ อ่อนแอที่สุดในทุกจัดรวาลนั่นเอง
ทางด้านของเบลเซ่จึงพูดเสริมต่อจากของ j โดยขอให้มีการจัดการประลองกันขึ้นมาให้เหมือนกับในอดีตเพื่อหาตัวแทนจากทุกจักรวาลเพราะเนื่องจากทุกจักรวาลต่างก็มีศักยภาพเพิ่มขึ้นกว่าอดีตบางทีในงานนี้อาจจะมีจักรวาลที่แข็งแกร่งจนพอฟัดพอเหวี่ยงกับจักรวาลที่ 1 ก็เป็นได้ สิ่งที่เบลเซ่เล็งเอาไว้ลึกๆภายในใจคือการเห็นจักรวาลที่ 1 ถูกโค่นลง และเป็นจักรวาลที่ 3 ของตนนั้นที่เป็นคนทำ
เขาคอยดูท่าทีของเหล่าผู้บริหารที่มาจากจักรวาลที่ 1 ซึ่งทุกคนก็ทำท่าชิวๆกัน พวกเขาต่างพากันรู้เจตนาของเบลเซ่แต่ก็ยังยิ้มอยู่ได้ เพราะว่าพวกเขานั้น ไม่มีทางแพ้!
"งั้นก็เอาตามนี้ไม่ใครค้านแล้วใช่ไหม"
"ครับ/ค่ะ"
"แต่ฉันมี!"
ทุกคนต่างพากันมองไปทางต้นเสียง
คนที่พูดก็คือเวน่อม ชายผู้เต็มไปด้วยปริศนา
"นายจะค้านอะไรอีกล่ะเวน่อม"
"หุบปาก!"
จิตสังหารของเขาแผ่ออกมาทั่วห้องประชุมและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้รับรู้ถึงพลังของเวน่อม อีคริฟที่ตอนแรกเถียงกับเวน่อมตอนนี้เธอกับตัวสั่นจนไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวคนหนึ่ง
จิตสังหารอะไรกัน แม้แต่คนอย่างเรายังถึงกับตัวสั่นได้เนี่ยนะ!?....
"มีอะไรก็ว่ามาสิเวน่อมเธอไม่ต้องใช้จิตรสังหารระดับนี้กับทุกคนก็ได้"
"ฉันไม่ต้องการคนเกะกะช่วยเข้าใจผมหน่อยจะได้ไหมปู่โอดิน"
"ถ้าอย่างนั้นก็ได้ มีอะไรก็ว่ามาสิเวน่อม!"
"ผมอยากจะขอเพิ่มอีกจักรวาลนึงเข้าไป"
"ถ้าหากเป็นจักรวาลที่ต่ำลงไปจนไม่เกินจากจักรวาลที่ 100 ก็พอรับได้อยู่" เนื่องจากความแข็งแกร่งที่ห่างกันเกินไปในอดีตจึงเคยมีคนตายเกิดขึ้นและเพื่อป้องกันเหตุการณ์นั้นจึงได้มีกฏบัญญัติเอาไว้ข้อนึงนั่นก็คือการ
ห้ามจักรวาลที่มีระดับต่างกันเกิน 50 สู้กันเอง
แต่ที่เวน่อมเล็งไว้มันช่างแหกยิ่งกว่ากฏ เพียงแค่เขาพูดทุกคนต่างก็ตกตระลึง
"จักวาลที่ผมจะขอคือ จักรวาลบ๊วย หรือก็คือ จักรวาลไร้อันดับนั่นเอง!"
"จะบ้าหรือยังไงเวน่อมนี่มันเท่ากับเป็นการฝ่าฝืนกฏของจักรวาลเชียวนะ!!"
โอดินได้ยืนขึ้นด้วยความตกตระลึง
"ในอดีตจักรวาลนั้นได้ถอนตัวไปจึงทำให้ไร้อันดับและถูกจักรวาลอื่นๆดูถูกบางทีถ้าพวกเขาเกิดลงแข่งขึ้นมาจริงๆพวกเขาอาจจะไม่ใช่จักรวาลที่อ่อนที่สุดก็เป็นได้!"
"นั่นมันก็อาจจะจริงแต่ถ้าหากว่าพวกเขาอ่อนแอจริงๆบางทีในงานนี้อาจจะมีคนตายเกิดขึ้นเหมือนครั้งในอดีตก็เป็นได้และงานนี้ก็มีจักรวาลอันดับต้นๆอยู่เต็มไปหมดหากไม่เก่งพอพวกเขาอาจจะได้รับบาดแผลทางใจเพิ่มไปอีกก็ได้!"
"แต่ผมว่ามันไม่เป็นอย่างนั้นหรอก..."
คราวนี้เป็นฝ่ายของเวน่อมที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ สายตาของทุกคนยิ่งทวีความสนใจไปที่เขามากยิ่งขึ้น
"เพราะผมเริ่มที่จะเห็นมันแล้วล่ะ ถึงพลังของจักรวาลนี้!"
วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561
หน้าที่ 103
"ฉันขอสัญญานะว่าฉันจะเป็นกำลังให้เซนะอยู่เสมอ"
เธอได้พูดออกมาด้วยอารมณ์ที่พาไป ต่อจากนี้เซนะต้องได้พบเจอกับเรื่องต่างๆอีกมากมายเพราะฉะนั้นเธอจึงอยากจะคอยอยู่เคียงข้างกับเซนะ ทั้งจากนี้ และตลอดไป...
"ผมเองก็สัญญาด้วยนะว่าผมจะเป็นกำลังให้กับคุณ ตัวผมรู้ดีว่าตัวเองน่ะไร้พลังแต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะพยายามฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้นๆ มากๆๆๆๆๆๆ มากที่สุด~!!! จนถึงวันนั้น วันที่ผมจะเป็นฝ่ายปกป้องคุณบ้าง... "
สายลมเย็นๆได้พัดผ่านพวกเขา มันทำให้ผมของพวกเธอปลิวไสวไปมา
ดวงตาของทั้งสองได้จ้องมองกัน มันถูกแสงของฟากฟ้ายามค่ำคืนกระทบจนดูเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าอัญมณีใดๆ
"นี่เซนะพวกเราจะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนจะได้ไหม"
"ถ้าคุณโซเฟียไม่รังเกียจผมล่ะก็ผมก็ยินดีครับ"
"อื้ม~!" คำสั้นๆแต่มาพร้อมกับรอยยิ้มทำเอาเซนะถึงกับหน้าแดง เธอที่ปกติจะเป็นคนที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหน้าแดงแท้ๆแต่พอโดนเข้าเองเธอถึงกับทำอะไรแทบไม่ถูก
ตัดภาพมาที่ทางฝั่งของโอริกามิที่กำลังนั่งดูเหตุการณ์นี้อยู่ที่บ้าน เธอที่ได้ยินว่าเซนะจะไปอยู่กับโซเฟียเธอถึงกับร้องไห้งอแงออกมากันเลยทีเดียว แง๊~!!!
เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นก็เหมือนกับท้องฟ้าที่ผ่านพ้นลมมรสุมมาได้ ที่ตรงนี้ ณ บนดาดฟ้าของโรงเรียนได้มีความรักบทใหม่ปรากฏขึ้น
ใบหน้าของทั้งองได้ค่อยเขยิบเข้าหากันอย่างช้าๆ และในไม่ช้าริมฝีปากของทั้งสองจึงได้ประกบกัน มันแตกต่างจากตอนของโอริกามิและคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิงตรงที่เซนะนั้นมีอารมณ์ร่วมด้วย ทั้งสองได้ดูดปากกันอย่างเมามันส์โดยลืมเรื่องทุกอย่างไปจนหมด ในตอนนี้มีแค่พวกเขาสองคนก็เท่านั้น
ทั้งสองได้ดูดปากกันครั้งแล้วครั้งเล่า...
ลิ้นของพวกเธอได้แลกกันไปมาราวกับจะกลืนกันอยู่แล้ว...
และในไม่ช้าเซนะก็ได้ค่อยๆเอนตัวล้มลงไปนอนกับพื้นจนปล่อยให้โซเฟียขึ้นคร่อมตนในที่สุด เธอไม่รอช้าที่จะละเลงจูบอันเร่าร้อนนี้อย่างเมามันส์
ลีลาของเธอนั้นจัดว่าเด็ดสำหรับใครหลายๆคน และเพราะลีลาการเย้ายวนแบบนี้จึงทำให้เซนะถึงกับไม่ขัดขืนใดๆทั้งสิ้นและปล่อยให้เธอทำต่อไปเรื่อยๆจนกว่าเธอจะพอใจ
จูบอันหอมหวานนี้ทำให้ทั้งสองถึงกับไม่มีทีท่าว่าจะหยุด กลิ่นกายของพวกเธอปนเปกันมั่วไปหมดจนแยกไม่ออกแล้วว่ากลิ่นนี้เป็นของใคร
ขาอ่อนๆขาวๆของโซเฟียได้ขยับไปมาอย่างช้าๆเพื่อให้เข้ากับลีลา ถึงจะมีกระโปรงสวมเอาไว้อยู่แต่ทุกคนก็เห็นขนาดก้นของเธอได้อย่างชัดเจนอันเนื่องมาจากลีลาของเธอ เหงื่อของพวกเธอเริ่มไหลออกมาอย่างช้าๆและในขณะที่พวกเธอกำลังจะทำกันขั้นต่อไปนั้น
จอภาพก็ได้เกิดดับลงไปเสียก่อน!
" 'oh shit!!' , 'oh no~!!!!' , 'fuck you~!!!' , 'ไอจอภาพเฮงซวย~!!!' , 'ข้าเกลียดท่าน~!!!' , 'เอาฉากนี้คืนมา~!!!' , 'ยูริช๊านนนนน~!!!' , 'เอาฉากเรทคืนมา~!!!' , 'ดับทำแมวอาร๊าย~!' , 'ฉายต่อสิโว๊ย~!!!' .... "
ราวกับเป็นการประชด จอภาพที่ดับไปแล้วจึงกลับมาฉายใหม่อีกครั้งแต่คราวนี้ดันเปลี่ยนไปเป็นฉากของการประชุมที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีจดหมายมาถึงเซนะแทน
"พวกเราจำเป็นต้องหาสมาชิกเพิ่ม!"
ผู้เฒ่าสูงสุดและมีอำนาจใหญ่สุดได้พูดเช่นนี้ต่อหน้าระดับผู้นำผู้บริหารจักรวาล พวกเขาทุกคนได้เงียบไปหลายต่อหลายนาทีหลังจากที่ได้ฟังความคิดเห็นของผู้เฒ่าสูงสุด บางคนก็เริ่มจับกลุ่มคุยกัน บางคนก็หันไปหาคนใกล้ๆแล้วปรึกษา บางรายก็นั่งครุ่นคิดอยู่คนเดียว
ในเวลาอันพร้อมเพรียงกันทุกคนก็ได้ตัดสินใจกันเสร็จสิ้น และพวกเขาก็เชื่อมั่นในคำตอบของพวกเขา
"ถ้าปู่ว่ายังไงผมก็ว่าตามนั้น"
"ฉัน ok กับข้อเสนอนี้"
"ถึงจะไม่ค่อยโดนใจแต่ฉันก็ตกลง"
"ฉันเห็นด้วย"
"ผ่าน~!"
"good idea!"
"ตามนั้นเลย"
"แล้วแต่ท่านจะบัญชา"
"เอาตามนี้ละกัน"
"ตกลง!"
"ฉันขอสัญญานะว่าฉันจะเป็นกำลังให้เซนะอยู่เสมอ"
เธอได้พูดออกมาด้วยอารมณ์ที่พาไป ต่อจากนี้เซนะต้องได้พบเจอกับเรื่องต่างๆอีกมากมายเพราะฉะนั้นเธอจึงอยากจะคอยอยู่เคียงข้างกับเซนะ ทั้งจากนี้ และตลอดไป...
"ผมเองก็สัญญาด้วยนะว่าผมจะเป็นกำลังให้กับคุณ ตัวผมรู้ดีว่าตัวเองน่ะไร้พลังแต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะพยายามฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้นๆ มากๆๆๆๆๆๆ มากที่สุด~!!! จนถึงวันนั้น วันที่ผมจะเป็นฝ่ายปกป้องคุณบ้าง... "
สายลมเย็นๆได้พัดผ่านพวกเขา มันทำให้ผมของพวกเธอปลิวไสวไปมา
ดวงตาของทั้งสองได้จ้องมองกัน มันถูกแสงของฟากฟ้ายามค่ำคืนกระทบจนดูเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าอัญมณีใดๆ
"นี่เซนะพวกเราจะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนจะได้ไหม"
"ถ้าคุณโซเฟียไม่รังเกียจผมล่ะก็ผมก็ยินดีครับ"
"อื้ม~!" คำสั้นๆแต่มาพร้อมกับรอยยิ้มทำเอาเซนะถึงกับหน้าแดง เธอที่ปกติจะเป็นคนที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหน้าแดงแท้ๆแต่พอโดนเข้าเองเธอถึงกับทำอะไรแทบไม่ถูก
ตัดภาพมาที่ทางฝั่งของโอริกามิที่กำลังนั่งดูเหตุการณ์นี้อยู่ที่บ้าน เธอที่ได้ยินว่าเซนะจะไปอยู่กับโซเฟียเธอถึงกับร้องไห้งอแงออกมากันเลยทีเดียว แง๊~!!!
เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นก็เหมือนกับท้องฟ้าที่ผ่านพ้นลมมรสุมมาได้ ที่ตรงนี้ ณ บนดาดฟ้าของโรงเรียนได้มีความรักบทใหม่ปรากฏขึ้น
ใบหน้าของทั้งองได้ค่อยเขยิบเข้าหากันอย่างช้าๆ และในไม่ช้าริมฝีปากของทั้งสองจึงได้ประกบกัน มันแตกต่างจากตอนของโอริกามิและคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิงตรงที่เซนะนั้นมีอารมณ์ร่วมด้วย ทั้งสองได้ดูดปากกันอย่างเมามันส์โดยลืมเรื่องทุกอย่างไปจนหมด ในตอนนี้มีแค่พวกเขาสองคนก็เท่านั้น
ทั้งสองได้ดูดปากกันครั้งแล้วครั้งเล่า...
ลิ้นของพวกเธอได้แลกกันไปมาราวกับจะกลืนกันอยู่แล้ว...
และในไม่ช้าเซนะก็ได้ค่อยๆเอนตัวล้มลงไปนอนกับพื้นจนปล่อยให้โซเฟียขึ้นคร่อมตนในที่สุด เธอไม่รอช้าที่จะละเลงจูบอันเร่าร้อนนี้อย่างเมามันส์
ลีลาของเธอนั้นจัดว่าเด็ดสำหรับใครหลายๆคน และเพราะลีลาการเย้ายวนแบบนี้จึงทำให้เซนะถึงกับไม่ขัดขืนใดๆทั้งสิ้นและปล่อยให้เธอทำต่อไปเรื่อยๆจนกว่าเธอจะพอใจ
จูบอันหอมหวานนี้ทำให้ทั้งสองถึงกับไม่มีทีท่าว่าจะหยุด กลิ่นกายของพวกเธอปนเปกันมั่วไปหมดจนแยกไม่ออกแล้วว่ากลิ่นนี้เป็นของใคร
ขาอ่อนๆขาวๆของโซเฟียได้ขยับไปมาอย่างช้าๆเพื่อให้เข้ากับลีลา ถึงจะมีกระโปรงสวมเอาไว้อยู่แต่ทุกคนก็เห็นขนาดก้นของเธอได้อย่างชัดเจนอันเนื่องมาจากลีลาของเธอ เหงื่อของพวกเธอเริ่มไหลออกมาอย่างช้าๆและในขณะที่พวกเธอกำลังจะทำกันขั้นต่อไปนั้น
จอภาพก็ได้เกิดดับลงไปเสียก่อน!
" 'oh shit!!' , 'oh no~!!!!' , 'fuck you~!!!' , 'ไอจอภาพเฮงซวย~!!!' , 'ข้าเกลียดท่าน~!!!' , 'เอาฉากนี้คืนมา~!!!' , 'ยูริช๊านนนนน~!!!' , 'เอาฉากเรทคืนมา~!!!' , 'ดับทำแมวอาร๊าย~!' , 'ฉายต่อสิโว๊ย~!!!' .... "
ราวกับเป็นการประชด จอภาพที่ดับไปแล้วจึงกลับมาฉายใหม่อีกครั้งแต่คราวนี้ดันเปลี่ยนไปเป็นฉากของการประชุมที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีจดหมายมาถึงเซนะแทน
"พวกเราจำเป็นต้องหาสมาชิกเพิ่ม!"
ผู้เฒ่าสูงสุดและมีอำนาจใหญ่สุดได้พูดเช่นนี้ต่อหน้าระดับผู้นำผู้บริหารจักรวาล พวกเขาทุกคนได้เงียบไปหลายต่อหลายนาทีหลังจากที่ได้ฟังความคิดเห็นของผู้เฒ่าสูงสุด บางคนก็เริ่มจับกลุ่มคุยกัน บางคนก็หันไปหาคนใกล้ๆแล้วปรึกษา บางรายก็นั่งครุ่นคิดอยู่คนเดียว
ในเวลาอันพร้อมเพรียงกันทุกคนก็ได้ตัดสินใจกันเสร็จสิ้น และพวกเขาก็เชื่อมั่นในคำตอบของพวกเขา
"ถ้าปู่ว่ายังไงผมก็ว่าตามนั้น"
"ฉัน ok กับข้อเสนอนี้"
"ถึงจะไม่ค่อยโดนใจแต่ฉันก็ตกลง"
"ฉันเห็นด้วย"
"ผ่าน~!"
"good idea!"
"ตามนั้นเลย"
"แล้วแต่ท่านจะบัญชา"
"เอาตามนี้ละกัน"
"ตกลง!"
วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561
หน้าที่ 102
สาวน้อยตรงหน้าได้จับจ้องมาที่เด็กหนุ่มอย่างไม่กระพริบตา เธอแค่สงสัยว่าเด็กหนุ่มจะตอบคำถามของเธอกลับมาอย่างไรเพราะอันที่จริงเธอรู้เรื่องทุกอย่างหมดอยู่แล้ว
"ทำไมคุณถึงต้องโกหกผมด้วยล่ะ"
"ใจเย็นๆก่อนเซนะ ฉันพออธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้"
ถึงจะไม่ทั้งหมดก็เถอะ เด็กหนุ่มได้แต่พูดอยู่แต่ในใจเพราะไม่กล้าพูดต่อหน้าเธอต้นไม้ได้ปลิวไสวไปมาเพราะกระแสลม ใบไม้ที่ร่วงหล่นได้สร้างบรรยากาศอันหน้าพิศวงขึ้น
"ว่ามาสิครับผมรอฟังอยู่"
"เอิ่ม... คือแบบที่ฉันต้องโกหกเธอนั่นก็เพราะ.... "
\\ เพราะอะไรล่ะ! // เขาพึ่งจะฉุดคิดขึ้นมาได้เมื่อกี้นี้ว่าตนไม่มีเหตุผลหรืออะไรทั้งสิ้น และถ้าพูดความจริงออกไปมันอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราต้องพังลงก็เป็นได้ ในขณะที่ทุกอย่างกำลังตึงเครียดก็ได้มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นมา มันคือเสียงของมุเก็นกับพิเกียที่กำลังนั่งกินป๊อบคอร์นกับน้ำโคล่าอยู่บนม้านั่งราวกับกำลังนั่งชิวๆอยู่ในโรงหนังยังไงยังงั้น
สาเหตุที่ไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขาก็เพราะเจ้าสองตัวนี้แอบนั่งเนียนๆอยู่ในขณะที่คนอื่นๆกำลังคุยกันอยู่นั้น และถ้าหากว่าถามว่าอยู่ตั้งแต่ตอนไหนคำตอบคือตั้งแต่เริ่มเพราะเจ้าสองตัวนี้โดนผู้อำนวยการไล่ไปเล่นนอกอาคารเรียนในข้อหาทะเลาะวิวาทกันในอาคารเรียน
เมื่อรู้ว่าทุกคนรู้สึกตัวแล้วนกน้อยจึงถอดแว่นดำออกแล้วหันมามองเซนะที่กำลังทำหน้าเอ๋ออยู่
"อ้าว พิเกียมาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ"
"ตูอยู่ตั้งแต่เริ่มเลย"
"แล้วนี่คิดจะนั่งดูอย่างเดียวเลยเนี่ยนะ"
"ก็ฉันมันคนนอกนี่น่า~!" เจ้าตัวได้นั่งใส่แว่นดำก่อนจะกินป๊อบคอร์นอย่างอเร็ดอร่อยรอดูพวกเซนะคุยกันต่อไปทำเอาบรรยากาศซีเรียสหายหมด ในจังหวะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่มุเก็นที่เห็นโอกาสจึงได้แอบกินป็อบคอร์นของนกน้อยจนเกือบหมดผลก็คือเมื่อนกน้อยมากินต่อแค่ไม่กี่ทีป๊อบคอร์นก็หมดเสียแล้ว พิเกียที่เดาได้ไม่ยากว่าใครเป็นคนร้ายจึงรีบหันหน้าไปหามุเก็นจนเกิดการทะเลาะกันเกิดขึ้น ในตอนนั้นเซนะจึงต้องเข้ามาห้ามปรามแต่ก็ถูกซัดจนน่วมแทนท้ายที่สุดโอริกามิที่ได้รับโทรศัพท์โทรตามจากเซเรน่าจึงรีบวิ่งเข้ามาจัดการทั้งสามคน
เย็นของวันนั้นบนดาดฟ้าของโรงเรียนที่แสงอาทิตย์ยามเย็นได้สาดส่องลงมาได้มีชายหญิงคู่หนึ่งยืน/นั่งคุยอยู่บนนั้น
เซสึนะได้ออกมาคุยในร่างของโซเฟียโดยยืนรับลมอยู่ข้างๆเซนะ
"ฉันขอโทษด้วยนะเซนะคือความจริงแล้วฉันน่ะ กลัวมาก กลัวว่าเซนะจะเกลียดฉัน ตัวฉันหลอกเธอว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอยู่ตลอดเวลาทั้งๆที่ความจริงแล้วฉันเป็นผู้ชายเพราะฉันต้องการจะตีสนิทกับเธอเพราะว่าฉัน... "
สาวน้อยได้หยุดพูดก่อนจะนำมือทั้งสองมาปิดหน้าของตัวเองที่แดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้ว เธอชอบเซนะ เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องจริงไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เซสึนะได้ออกมาคุยในร่างของโซเฟียโดยยืนรับลมอยู่ข้างๆเซนะ
"ฉันขอโทษด้วยนะเซนะคือความจริงแล้วฉันน่ะ กลัวมาก กลัวว่าเซนะจะเกลียดฉัน ตัวฉันหลอกเธอว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอยู่ตลอดเวลาทั้งๆที่ความจริงแล้วฉันเป็นผู้ชายเพราะฉันต้องการจะตีสนิทกับเธอเพราะว่าฉัน... "
สาวน้อยได้หยุดพูดก่อนจะนำมือทั้งสองมาปิดหน้าของตัวเองที่แดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้ว เธอชอบเซนะ เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องจริงไม่เคยเปลี่ยนแปลง
"ผมไม่เกลียดคุณหรอกครับ"
( อ่ะเร๊ะ~! )
"ในวันนั้นวันแรกที่เราเจอกันยังจำได้ไหมครับ"
"อื้ม! ฉันจำได้แม่นเลยล่ะ!"
เธอได้นั่งลงข้างๆเซนะราวกับถูกบรรยากาศนั้นนำพาไป
"ในตอนนั้นกำลังจะถูกพวกเด็กเกเรรังแกสินะ"
"ใช่ครับ และหลังจากนั้นผมก็ได้คุณโซเฟียช่วยเหลือจน
ทำให้ผมมีวันนี้ได้ คุณเป็นเหมือนพี่สาว คุณแม่ อาจารย์แล้วก็เป็นเหมือนกับคนสำคัญที่สุดในชีวิตของผมเลย"
ราวกับคำสารภาพรัก...... โซเฟียที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับร้องไห้ออกมา ถึงแม้ว่าเซนะจะไม่่รู้สึกในแบบเดียวกันแต่เธอก็ยังคงคิดว่ามันเป็นคำพูดอันแสนวิเศษที่ไม่ต่างอะไรกับคำสารภาพรัก ภาพการสนทนานี้ได้ถูกฉายไปทุกจักรวาล เหล่าคู่รักทั้งหลายต่างกพากันอมยิ้มให้กับพวกเธอ
พระอาทิตย์ยามเย็นได้ค่อยๆตกลงอย่างช้าๆจนเปลี่ยนเป็นความมืด แต่ราวกับโลกเป็นใจท้องฟ้าในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยแสงสว่างจากดวงดาวนับล้านๆดวง แสงเหล่านี้ได้ทำให้ความมืดมิดยามค่ำคืนดูไม่น่ากลัวอีกต่อไป
ถึงจะไม่รู้ตัวแต่ระยะห่างของทั้งสองก็ได้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มือของทั้งสองได้สอดประกบกันอย่างอ่อนโยน ในตอนนี้พวกเธอสองคนแทบจะถูกอารมณ์พาไปเสียแล้ว....
( อ่ะเร๊ะ~! )
"ในวันนั้นวันแรกที่เราเจอกันยังจำได้ไหมครับ"
"อื้ม! ฉันจำได้แม่นเลยล่ะ!"
เธอได้นั่งลงข้างๆเซนะราวกับถูกบรรยากาศนั้นนำพาไป
"ในตอนนั้นกำลังจะถูกพวกเด็กเกเรรังแกสินะ"
"ใช่ครับ และหลังจากนั้นผมก็ได้คุณโซเฟียช่วยเหลือจน
ทำให้ผมมีวันนี้ได้ คุณเป็นเหมือนพี่สาว คุณแม่ อาจารย์แล้วก็เป็นเหมือนกับคนสำคัญที่สุดในชีวิตของผมเลย"
ราวกับคำสารภาพรัก...... โซเฟียที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับร้องไห้ออกมา ถึงแม้ว่าเซนะจะไม่่รู้สึกในแบบเดียวกันแต่เธอก็ยังคงคิดว่ามันเป็นคำพูดอันแสนวิเศษที่ไม่ต่างอะไรกับคำสารภาพรัก ภาพการสนทนานี้ได้ถูกฉายไปทุกจักรวาล เหล่าคู่รักทั้งหลายต่างกพากันอมยิ้มให้กับพวกเธอ
พระอาทิตย์ยามเย็นได้ค่อยๆตกลงอย่างช้าๆจนเปลี่ยนเป็นความมืด แต่ราวกับโลกเป็นใจท้องฟ้าในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยแสงสว่างจากดวงดาวนับล้านๆดวง แสงเหล่านี้ได้ทำให้ความมืดมิดยามค่ำคืนดูไม่น่ากลัวอีกต่อไป
ถึงจะไม่รู้ตัวแต่ระยะห่างของทั้งสองก็ได้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มือของทั้งสองได้สอดประกบกันอย่างอ่อนโยน ในตอนนี้พวกเธอสองคนแทบจะถูกอารมณ์พาไปเสียแล้ว....
เซนะ....
. คุณโซเฟีย....
. คุณโซเฟีย....
วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2561
หน้าที่ 101
เดิมทีเซนะก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้วจึงไม่แปลกที่เธอจะไม่สนใจแต่ถ้าหากยามใดที่เธอเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเมื่อนั้นตัวเขาก็สามารถจัดหาสมาชิกเพื่อเธอได้ในทันที
ดีที่เหมือนจะมองเรื่องที่เซสึนะคิดเอาไว้ออกหมดจึงได้ยิ้มร่า
"ยิ้มอะไรของเธอไม่ทราบ"
"เปล่าสักหน่อย~!" เธอเบนหน้าหนี
"มีอะไรก็พูดมาสิ!"
"ก็แบบเซนะนี่ดีจังเลยนะที่มีแฟนแบบนี้"
"ห้ามพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเขาเชียวนะ"
"อายหรอ~!?"
"ก็ส่วนหนึ่งแต่ที่สำคัญจริงๆคือมันอาจจะมีผลเกี่ยวกับความลับเรื่องที่ฉันกับโซเฟียเป็นคนๆเดียวกันก็ได้" เขาทำหน้าซึมหลังจากที่พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้
"ฉันอยากจะถามนายมานานแล้ว ทำไมนายถึงไม่บอกความจริงกับเซนะไปเลยล่ะ!"
"เรื่องมันซับซ้อนกว่าที่เธอคิดเพราะงั้นถึงเล่าไปเธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดีหรอก"
"แต่ฉันว่าเรื่องมันคงไม่ซับซ้อนขนาดนั้นหรอกและถ้าให้ฉันเดาเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักใช่ม๊า~!"
\\ ถูกอย่างที่เธอพูด //
เซสึนะถึงกับเขินแทนเลย ที่เจ้าตัวไม่ยอมบอกสักทีก็เพราะกลัวว่าเซนะจะโกรธตนที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้จนล่วงเลยมานานมากแล้วโดยอันที่จริงเขาคิดจะบอกเธอตั้งแต่ตอนปฐมนิเทศแต่ก็ดันมีเรื่องขึ้นสักก่อนเขาจึงไม่มีโอกาสบอกเธอแถมยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะหลังจากนั้นก็มีเรื่องของโรงเรียนฮิโตมิที่ทำให้เธอต้องไปเป็นครูชั่วคราว การแลกเปลี่ยนนักเรียนที่ทำให้เธอต้องย้ายไปเรียนที่โรงเรียนฮาคุโอซึ่งเป็นโรงเรียนสตรีล้วนเป็นเวลาถึง 3 เดือน ต่อด้วยศึกของซิคฟรีดคนจากอนาคตที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เซนะกับเขาต้องแยกจากกัน ถัดจากนั้นเซนะก็ต้องเดินทางไปอนาคตเพื่อไปตามพิเกียกลับมาโดยยุคนั้นได้มีจักกลสังหารจากอนาคตได้ถูกส่งมาเพื่อฆ่ามนุษย์พวกเซนะจึงต้องอาสาไปปราบคนบงการนั่นก็คือ มาโกโตะ(พิเกีย)จากอนาคต หลังจากที่กอบกู้จักรวาลเอาไว้ได้สำเร็จในระหว่างเดินทางกลับยุคเดิมเธอก็ถูกวาปไปยังยุคๆหนึ่ง
จนเกิดสงครามความฝันขึ้น และเพราะเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นนี้จึงทำให้เขาไม่มีโอกาสเล่าความจริงกับเธอสักที
ขืนบอกตอนนี้บางทีเซนะอาจจะงอนเราไปเลยก็ได้ เพราะงั้นต้องรอโอกาสเหมาะๆก่อนที่จะสารภาพความจริงทุกๆอย่างออกไป!
เซสึนะได้มองมาที่ดีด้วยความข่มขู่นิดๆ
"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอแล้วก็ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกกับเซนะด้วยเข้าใจไหม"
"ฉันมีคำถามอ่ะ"
"สงสัยอะไรว่ามา"
"ทายดิเซนะตอนนี้อยู่ไหน"
"ล่าสุดจากที่ได้ข่าวมารู้สึกจะไปอยู่กับโอริกามิแล้วนะ"
"แต่ฉันว่าไม่นะ"
"แล้วเซนะตอนนี้อยู่ไหนแล้วล่ะ" ดีจึงได้ใช้นิ้วชี้ชี้มาทางข้างหลังของเซสึนะก่อนที่เจ้าตัวจะหันตาม และแล้วในที่สุดตัวเขาก็ได้รับรู้แล้วว่าสาวน้อยนามว่าเซนะบัดนี้ได้ยืนอยู่หลังตนเสียแล้ว ชิบหาย~!!!
"เซนะ.."
"คุณโซเฟีย.. ไม่สิคุณเซสึนะ ทำไมถึงไม่ยอมบอกผมเลยล่ะ" สาวน้อยในคราบของเด็กชายได้ทำตาเหมือนจะร้องไห้ขึ้น
เจ้าตัวรีบมองไปหาดีด้วยสายตาดุดันราวกับจะสื่อว่า ทำไมถึงไม่บอกว่ามีว่ามีเซนะอยู่ด้วย ก่อนจะหันหน้ามาทางเซนะแล้วรีบเปลี่ยนสีหน้าโดยทันที
"เอิ่ม... คือว่าเซนะอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ???"
"ตั้งแต่เริ่มเลยครับ"
( บรรลัยแล้ว~!!!! )
อย่างน้อยๆถ้าหากเธอเพิ่งจะมาและได้ยินแค่ผ่านๆเขาก็พอจะหาคำแก้ตัวเนียนๆได้แต่เพราะเธอมานานแล้วเพราะงั้นการกลบเกลื่อนยิ่งไม่มีผลหรือช่วยอะไรเขาได้เลย
เดิมทีเซนะก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้วจึงไม่แปลกที่เธอจะไม่สนใจแต่ถ้าหากยามใดที่เธอเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเมื่อนั้นตัวเขาก็สามารถจัดหาสมาชิกเพื่อเธอได้ในทันที
ดีที่เหมือนจะมองเรื่องที่เซสึนะคิดเอาไว้ออกหมดจึงได้ยิ้มร่า
"ยิ้มอะไรของเธอไม่ทราบ"
"เปล่าสักหน่อย~!" เธอเบนหน้าหนี
"มีอะไรก็พูดมาสิ!"
"ก็แบบเซนะนี่ดีจังเลยนะที่มีแฟนแบบนี้"
"ห้ามพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเขาเชียวนะ"
"อายหรอ~!?"
"ก็ส่วนหนึ่งแต่ที่สำคัญจริงๆคือมันอาจจะมีผลเกี่ยวกับความลับเรื่องที่ฉันกับโซเฟียเป็นคนๆเดียวกันก็ได้" เขาทำหน้าซึมหลังจากที่พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้
"ฉันอยากจะถามนายมานานแล้ว ทำไมนายถึงไม่บอกความจริงกับเซนะไปเลยล่ะ!"
"เรื่องมันซับซ้อนกว่าที่เธอคิดเพราะงั้นถึงเล่าไปเธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดีหรอก"
"แต่ฉันว่าเรื่องมันคงไม่ซับซ้อนขนาดนั้นหรอกและถ้าให้ฉันเดาเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักใช่ม๊า~!"
\\ ถูกอย่างที่เธอพูด //
เซสึนะถึงกับเขินแทนเลย ที่เจ้าตัวไม่ยอมบอกสักทีก็เพราะกลัวว่าเซนะจะโกรธตนที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้จนล่วงเลยมานานมากแล้วโดยอันที่จริงเขาคิดจะบอกเธอตั้งแต่ตอนปฐมนิเทศแต่ก็ดันมีเรื่องขึ้นสักก่อนเขาจึงไม่มีโอกาสบอกเธอแถมยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะหลังจากนั้นก็มีเรื่องของโรงเรียนฮิโตมิที่ทำให้เธอต้องไปเป็นครูชั่วคราว การแลกเปลี่ยนนักเรียนที่ทำให้เธอต้องย้ายไปเรียนที่โรงเรียนฮาคุโอซึ่งเป็นโรงเรียนสตรีล้วนเป็นเวลาถึง 3 เดือน ต่อด้วยศึกของซิคฟรีดคนจากอนาคตที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เซนะกับเขาต้องแยกจากกัน ถัดจากนั้นเซนะก็ต้องเดินทางไปอนาคตเพื่อไปตามพิเกียกลับมาโดยยุคนั้นได้มีจักกลสังหารจากอนาคตได้ถูกส่งมาเพื่อฆ่ามนุษย์พวกเซนะจึงต้องอาสาไปปราบคนบงการนั่นก็คือ มาโกโตะ(พิเกีย)จากอนาคต หลังจากที่กอบกู้จักรวาลเอาไว้ได้สำเร็จในระหว่างเดินทางกลับยุคเดิมเธอก็ถูกวาปไปยังยุคๆหนึ่ง
จนเกิดสงครามความฝันขึ้น และเพราะเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นนี้จึงทำให้เขาไม่มีโอกาสเล่าความจริงกับเธอสักที
ขืนบอกตอนนี้บางทีเซนะอาจจะงอนเราไปเลยก็ได้ เพราะงั้นต้องรอโอกาสเหมาะๆก่อนที่จะสารภาพความจริงทุกๆอย่างออกไป!
เซสึนะได้มองมาที่ดีด้วยความข่มขู่นิดๆ
"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอแล้วก็ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกกับเซนะด้วยเข้าใจไหม"
"ฉันมีคำถามอ่ะ"
"สงสัยอะไรว่ามา"
"ทายดิเซนะตอนนี้อยู่ไหน"
"ล่าสุดจากที่ได้ข่าวมารู้สึกจะไปอยู่กับโอริกามิแล้วนะ"
"แต่ฉันว่าไม่นะ"
"แล้วเซนะตอนนี้อยู่ไหนแล้วล่ะ" ดีจึงได้ใช้นิ้วชี้ชี้มาทางข้างหลังของเซสึนะก่อนที่เจ้าตัวจะหันตาม และแล้วในที่สุดตัวเขาก็ได้รับรู้แล้วว่าสาวน้อยนามว่าเซนะบัดนี้ได้ยืนอยู่หลังตนเสียแล้ว ชิบหาย~!!!
"เซนะ.."
"คุณโซเฟีย.. ไม่สิคุณเซสึนะ ทำไมถึงไม่ยอมบอกผมเลยล่ะ" สาวน้อยในคราบของเด็กชายได้ทำตาเหมือนจะร้องไห้ขึ้น
เจ้าตัวรีบมองไปหาดีด้วยสายตาดุดันราวกับจะสื่อว่า ทำไมถึงไม่บอกว่ามีว่ามีเซนะอยู่ด้วย ก่อนจะหันหน้ามาทางเซนะแล้วรีบเปลี่ยนสีหน้าโดยทันที
"เอิ่ม... คือว่าเซนะอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ???"
"ตั้งแต่เริ่มเลยครับ"
( บรรลัยแล้ว~!!!! )
อย่างน้อยๆถ้าหากเธอเพิ่งจะมาและได้ยินแค่ผ่านๆเขาก็พอจะหาคำแก้ตัวเนียนๆได้แต่เพราะเธอมานานแล้วเพราะงั้นการกลบเกลื่อนยิ่งไม่มีผลหรือช่วยอะไรเขาได้เลย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)