วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2562

story 1.3 (end)

                          ย้อนกลับไปตอนก่อนหน้านี้ที่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นานหลังจากที่เซนะเพิ่งเข้าไปในโลกแห่งความฝัน พวก baron ได้ไล่ล่า cardrare ไปได้แล้ว 4 ใบ และอีก 2 ใบอยู่ที่ เซร่า กับ ฟรีด ซึ่งเป็นพรรคพวกของเซนะที่เคยร่วมกับบุกไปทำลายพวก baron พวกเขาทั้งสองที่รู้ว่าตนเองจะถูกเล่นงานจึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากโรงเรียนชิโอมิซึ่งอุยที่เป็นผู้อำนวยการก็ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แต่นั่นกับเป็นไปตามแผนของพวกมัน 1 ในแม่ทัพเทพของพวกมันมีคนที่สามารถเห็นอนาคตได้เหมือนกับเซนะและอุยอยู่ด้วยพวกมันจึงได้ส่งกองกำลังมายังชิโอมินำโดยแม่ทัพเทพถึง 5 คน การต่อสู้ระหว่าง baron กับชิโอมิจึงเริ่มเปิดศึกขึ้น ด้วยผลจากการบุกสายฟ้าแลบต่อให้ที่นั่นมี 10 ผู้ก่อตั้งอยู่ก็มิอาจต้านทานได้ไหว และไม่นานโรงเรียนชิโอมิก็ได้ถูกทำลายย่อยยับ นิโครุที่เป็นถึงราชันย์จึงต้องยันกองกำลังของศัตรูเอาไว้ด้วยตัวคน(แสนกว่าคน) เซร่ากับฟรีดก็ถูกแม่ทัพเทพฆ่าตาย และแล้ว cardrare ทั้ง 6 ก็ได้ตกไปอยู่กับ baron อีกทางด้าน 10 ผู้ก่อตั้งนำโดย เซสึนะ ก็ได้พยายามปกป้องชาวเมืองที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำให้ไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ ส่วนอุยที่ปะทะกับแม่ทัพเทพถึง 5 คนอยู่นั้นก็ได้ถูกเล่นงานจนเกือบจะปางตายแต่ก็รอดมาได้เพราะได้ฮิคาริช่วยเอาไว้(10 ผู้ก่อตั้ง) เมืองทั้งเมืองมีม่านพลังกั้นเอาไว้จึงทำให้ไม่มีใครสามารถออกไปหรือเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาได้เลย และหลังจากที่เซนะรู้ข่าวเธอจึงรีบมุ่งหน้ากลับไปยังชิโอมิทันที ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของพวกมันทุกอย่างเซนะที่รู้ข่าวกำลังไปหาพวกเขาพร้อมกับ cardrare อีก 6 ใบ เมื่อรวมกับ card ที่พวก baron ครอบครองอยู่ cardrare ทั้ง 12 จึงมารวมกันครบพอดี เพราะงั้นหน้าที่ของเช็คเกอร์เฟสจริงๆเลยก็คือการถ่วงเวลาเพื่อไม่ให้ เซนะ ไปยังเมืองชิโอมิได้ทัน  ผ่านไป 7 วันหลังจากที่สงครามเริ่มต้นขึ้นเซนะก็ได้เดินทางไปถึงเมืองชิโอมิและได้พุ่งผ่านม่านพลังเข้าไปอย่างง่ายดาย(พลังเธอทำได้ทุกอย่างจริงๆ)
                         ทางด้านนิโครุที่สู้มาตลอด 7 วันจึงแทบจะสู้ไม่ไหวแล้วแต่ก็ยังฝืนสู้ต่อไปผลก็คือในที่สุดเธอก็ได้พลาดท่าต่อแม่ทัพเทพ(หากแพ้=ตาย)เซนะได้วิ่งเข้ามารับร่างของเธอที่กำลังจะหายไปเอาไว้ทั้งน้ำตา เธอได้เพียงแต่พูดว่าขอโทษๆให้กับร่างของนิโครุที่กำลังจะหายไป และแล้วในที่สุดนิโครุก็ได้หายไปต่อหน้าต่อตาของเซนะ แสงจากร่างของเธอได้รวมกันเป็น card สีดำ 1 ใบเหลือทิ้งเอาไว้ให้กับเซนะ ในตอนนั้นเซนะก็ได้เศร้าจนเลยคำว่าร้องไห้ไปเรียบร้อยแล้วเธอที่สูญเสียคนรักไปจึงได้จิตหลุดไปในที่สุด มีแต่เพียงความว่างเปล่าเท่านั้นในตอนนี้ ผลอีกอย่างก็คือมันตรงกับเงื่อนไขของพลังของเธอพอดี หากเมื่อใดก็ตามที่คนที่รักที่สุดของเธอ ตายต่อหน้าต่อตา เมื่อนั้นพลังก็จะถูกปลุกขึ้น เซนะที่พลังตื่นแล้วจึงได้จัดการแม่ทัพเทพตรงกน้าได้อย่างรวดเร็วเธอเคลื่อนที่ได้เร็วมากราวกับวาปได้ ในตอนก่อนที่จะมาเขาได้โทรไปขอกำลังเสริมจากเหล่ารุ่นพี่ที่เรียนจบไปนั่นก็คือพวก ราเซ็น(อดีต 10 ผู้ก่อตั้ง)ให้มาช่วยด้วย พวกเขาจึงได้ทำลายม่านพลังนั้นทิ้งและได้บุกเข้ามาโจมตีพวก baron พร้อมๆกับกองกำลังอื่นๆอีกมากมาย สงครามกำลังดำเนินไปจนถึงช่วงสุดท้ายในตอนนั้นเองเซนะก็ได้ปะทะกับเหล่าแม่ทัพเทพจนเลือดท่วมตัวและได้เดินขึ้นไปยังตึกสูงที่สุดของเมืองเพื่อไปปะทะกับแม่ทัพเทพคนสุดท้ายซึ่งมีนามว่า เนเมซิส! และเขากับเซนะ ผู้ใช้พลังของ cardrare ทั้ง 6 ใบเหมือนกันก็ได้เริ่มการต่อสู้สุดท้ายขึ้นในระหว่างการต่อสู้ทุกครั้งที่เธอใช้ card ใบไหนก็ตาม card ใบนั้นก็จะต้องหายไปนี่เป็นพลังของเนเมซิสจึงเรียกได้ว่าเป็นศึกสุดท้ายของเซนะจริงๆ เหล่าพรรคพวกของเธอค่อยๆหายไปทีละคน ทีละคนจนในที่สุดก็ไม่มีใครเหลืออีกต่อไปแต่นั่นก็ทำให้เนเมซิสต้องพบกับความพ่ายแพ้และกำลังจะหายไปแต่ในขณะนั้นเองมันก็ได้เข้ามาต่อย เตะ กระทืบใส่ร่างของเซนะพร้อมกับยิงปืนใส่ร่างของเธอจนบาดเจ็บสาหัติ(เกมจบคนไม่จบ)    เซนะจึงได้รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายกัดฟันลุกขึ้นมาเอาหมัดชกใส่หน้าของมันไปทีนึงก่อนที่เจ้าตัวจะล้มลงไปอย่างหมดสภาพ และในตอนนั้นเองก็ได้มีเฮลิคอปเตอร์สีดำปรากฏขึ้นด้านหลังของพวกเขาพร้อมๆกับแม่ทัพเทพอีกคนซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับเซนะแบบเป๊ะก่อนที่เธอจะสั่งให้เทียร์(1.1)ในร่างมังกรใช้เคียวตัดหัวของเนเมซิสทิ้งอย่างโหดเหี้ยม และในขณะที่กำลังนอนอึ้งอยู่นั้นราชันย์อันดับที่ 5 และ 2 อย่างอาซามิกับทับทิมก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ทับทิมได้หยิบ cardrare ทั้ง 12 ที่ตกอยู่ที่พื้นเดินไปทางเฮลิคอปเตอร์พร้อมกับพูดทิ้งท้ายให้กับเซนะเอาไว้ว่า ขอบใจนะ เธอช่วยฉันได้มาเลยล่ะเซนะ... ก่อนที่พวกเขาจะพากันขึ้นเฮลิคอปเตอร์แล้วพากันหนีหายไป เซนะรับรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นการหลอกใช้เธอเพื่อรวบรวม card ทั้ง 12 ใบ การทรยศของทับทิมกับอาซามิถูกฉายไปทั่วโลกและนั่นจึงเป็นเหตุให้ราชันย์ในปัจจุบันทั้งหมดถูกปลดออกจากตำแหน่ง เมืองชิโอมิที่ผ่านพ้นสงครามมาได้จึงต้องได้รับการฟื้นฟู ส่วนทางโรงเรียนชิโอมิก็ได้ถูกปิดทำการชั่วคราวเนื่องจากได้รับความเสียหายอย่างหนักจนต้องได้รับการซ่อมแซม ส่วนอุยได้รับบาดเจ็บจนตอนนี้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปแล้ว ทุกๆวันเซนะจึงเอาดอกไม้มาเยี่ยมเธอถึงความจริงซุบารุ(รองผู้อำนวยการ)จะบอกว่าไม่ต้องก็ได้เพราะเซนะในตอนนี้ดูน่าเป็นห่วงยิ่งกว่าอุยเสียอีก การจากไปของนิโครุทำให้ใบหน้าของเซนะที่แต่ก่อนเคยยิ้มแย้มตอนนี้กับกลายเป็นใบหน้าของคนที่กำลังอมทุกข์ไว้ แต่เซนะก็ขอกับซุบารุจนเขาต้องใจอ่อน เซนะกับอุยนั้นถ้าในมุมมองของซุบารุและคนทั่วไปแล้วสองคนนี้จะไม่ถูกกันมากๆเพราะเซนะมักจะทำเรื่องปวดหัวให้อุยต่อว่าเป็นประจำแต่สำหรับเซนะแล้วอุยก็เปรียบได้กับ แม่ ของเธอเลยทีเดียว เซนะได้กุมมือของอุยเอาไว้พร้อมกับบอกความรู้สึกในใจจริงของเธอทั้งหมดให้กับอุยได้ฟัง "สำหรับผมแล้วคุณน่ะเปรียบเหมือนกับแม่ของผมเลยนะคุณอุย ผมรู้นะว่าที่คุณดุผมอยู่บ่อยๆก็เพื่อจะทำให้ผมปรับปรุงตัวเองให้จริงจังกับชีวิต และผมก็รู้อีกว่าข้าวกล่องที่ใส่ไว้ในใต้โต๊ะของผมทุกวันความจริงแล้วมันเป็นข้าวกล่องฝีมือคุณ ตอนที่ผมถูกแกล้งเอารองเท้าไปซ่อนคุณก็เอารองเท้าคู่ใหม่มาให้ แล้วก็ตอนที่ผมจมน้ำคนที่ช่วยผมเอาไว้ก็คือคุณ คุณอุยผมน่ะตลอดมาคิดว่าคุณกับคุณซุบารุเปรียบดั่งกับพ่อแม่แท้ๆเลยนะ... เพราะงั้น...(น้ำตาไหล) ขอล่ะ... ช่วยลืมตาขึ้นมาทีเถอะ.... "
                          แต่ถึงแม้จะพูดไปก็ไม่มีแม้แต่เสียงตอบกลับเซนะที่เยี่ยมอุยเสร็จแล้วจึงกลับไปที่หลุมศพของนิโครุ ในระหว่างทางก็มีการเคารพหลุมศพของเซร่ากับฟรีดก่อนจะเดินตรงไปยังหลุมศพของนิโครุ เซนะได้ยืนต่อหน้าหลุมศพอยู่อย่างนั้นนานกว่าครึ่งชั่วโมงราวกับจะกำลังทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ ตัวเขาในวันงานศพเขาได้ร้องไห้ต่อหน้าหลุมศพตลอด 7 วัน และทั้ง 7 วันนั้นกับมีฝนตกตลอดทั้งวันราวกับท้องฟ้ากำลังร้องไห้ให้กับเธอ... "นิโครุ... พี่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ... พี่ไม่สามารถปกป้องเธอเอาไว้ได้..... "เซนะได้หยุดชะงักไปก่อนจะทำใจและพูดต่อไปอย่างแผ่วเบา ในประโยคสุดท้ายนั้นในที่สุดเซนะก็ได้ยิ้มขึ้นมาราวกับเด็กๆก่อนจะเดินจากหลุมศพของเธอไป....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น