174
ทั้งสองได้เดินทางเพื่อเตรียมที่จะออกจากป่าโดยทุกอย่างเริ่มเป็นไปอย่างราบรื่นจนน่าแปลกใจ มาโกโตะที่มาจากอนาคตเขาได้ใช้เทคโนโลยีที่ติดตัวมาโดยหาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโลกที่เขากำลังอยู่จนทราบข้อมูลคร่าวๆผ่านทางจอแท็บสีฟ้าขนาดเล็ก
จอสีฟ้านี้หากเป็นโลกยุคนี้ก็ยังไม่มีการพัฒนามากสักเท่าไหร่เพราะเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูงและมีกลไกการทำงานที่ซับซ้อนมากรวมทั้งยังเป็นระบบที่ยังไม่สมบูรณ์ดีพอจึงทำให้แทบจะยังไม่รู้จักอย่างกว้างขวางมากนัก
ทว่าก็มีสององค์กรณ์ที่กำลังใช้มันอยู่อย่างทั่วถึงและในไม่ช้าพวกเขาก็จะนำพาให้คนของยุคนี้ก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนทางด้านของเซนะเองเธอได้ใช้ความสมารถของเธอในการสื่อสารกับสัตว์ถามทางจากพวกมันที่บังเอิญเดินมาเจอกันไล่ตั้งแต่ หมูป่า หมาป่า หมี กระต่าย แรคคูน กระรอกและอื่นๆอีกมากมายหลายชนิด
ความสามารถของเธอมันมีประโยชน์มากสักจนดึงดูดความสนใจของมาโกโตะมาทางเธอได้อย่างหมดจด
ยิ่งเธอทำอะไรที่น่าเหลือเชื่อขึ้นก็ยิ่งทำให้เขาสนใจมากกว่าเดิม
เธอนี่มันสุดยอดของสุดยอดจริงๆเซนะ....
ในช่วงบ่ายของวันทั้งสองก็ได้มาถึงจุดที่จะพักแห่งใหม่ซึ่งนั่นก็คือน้ำตก พิกัดนี้ได้มาจากความสามารถในการหาข้อมูลของมาโกโตะกับความสามารถในการสื่อสารของเซนะ
ทั้งสองได้มองหน้าสบตากันก่อนที่จะยิ้มให้กันและกันตามประสาเด็กๆ หากแต่ว่าความคิดนั้นไม่ใช่
"ฉันคิดว่าพวกเราควรจะพักผ่อนกันที่นี่จะดีไหมมาโกโตะคุง"
"ฉันก็คิดว่างั้นเหมือนกันอีกอย่างมันก็เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับเด็กผู้หญิงจะต้องอาบน้ำอยู่แล้วซิจริงไหม" เขาได้เหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่ให้เธอทันได้เห็น
"อื้ม~! งั้นฉันขอไปอาบน้ำก่อนนะ"
"โอเคร~! "
ถึงแม้การสนทนาจะเหมือนกับเด็กๆทั่วไปคุยกันแต่หากวิเคราะห์ดูดีๆแล้วจะเห็นว่ามันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด
พักผ่อน ความหมายของมันคือการได้ทำกิจกรรมนันทนาการจนรวมไปถึงการหยุดทำกิจกรรมต่างๆเพื่อพักสมองแต่สถานการณ์ในป่านี้ถ้าหากเป็นคนปกติทั่วๆไปที่กำลังหลงป่าคงจะไม่มีใครคิดจะใช้ที่นี่เป็นจุดพักแน่ๆเพราะมันจะเป๊นเป้าหมายของสัตว์ป่าที่มากินน้ำจากธารน้ำตกและถึงแม้ว่าเซนะจะคุยกับสัตว์ได้แต่เธอก็ยังไม่ได้พูดสักคำเลยสัตว์ที่เธอพูดด้วยนั้นจะเชื่องกับเธอทุกตัวเสมอไป
สรุปก็คือมาโกโตะต้องห้ามประมาทแม้แต่วินาทีเดียวโดยเด็ดขาด
ทางด้านของมาโกโตะที่ตอบกลับคืนไปแบบนั้นจึงเป็นการท้าทายเซนะเป็นนัยๆว่าฉันสามารถปกป้องเธอได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานการณ์ ยิ่งไปกว่านั้นคือเขามั่นใจในฝีมือของตนเองมากแถมยังอยากจะโชว์ฝีมือให้เธอเห็นอยู่เต็มแก่แล้ว
หี! มาเลยเจ้าพวกสัตว์ร้ายหรืออะไรก็ช่างออกมาเพื่อให้ฉันโชว์พาวต่อหน้าเธอซะดีๆ~ ออกมาเล๊ยยยย~!!!
แต่บางทีสิ่งที่เขาคิดไว้มันก็อาจจะไม่ใช่เสมอไป
ยกตัวอย่างก็เช่นตอนนี้...
มาโกโตะได้ลงมาแช่น้ำด้วยคำเชิญของเซนะโดยมีใบหน้าไม่พอใจเธอเป็นอย่างมากผุดขึ้นมา
"นี่เซนะรู้ไหมว่าการที่พวกเราทั้งสองคนมาอาบน้ำพร้อมกันแบบนี้ซึ่งก็ทำตามคำเชิญของเธอมันเป็นการเปิดช่องโหว่ให้สัตว์ต่างๆโจมตีเราได้ง่ายๆเลย" เด็กหนุ่มได้บ่นให้กับสาวน้อยที่กำลังแช่น้ำอยู่ตรงหน้าฟัง
สาวน้อยตรงหน้าจึงตอบกลับมาด้วยสีหน้าสบายๆ
"พวกเขาไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ"
"ขอเหตุผลประกอบด้วย"
"ก็แบบถ้าทำจริงๆป่านนี้พวกเขาก็คงทำตั้งแต่ตอนที่พวกเราเดินออกมาจากถ้ำแล้วล่ะค่ะ"
วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561
173
กลัวที่จะฆ่าคน... มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากที่เธอคิดแบบนั้นโดยปกติที่หยิบจับอาวุธขึ้นมาของมนุษย์นั่นก็เพื่อป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายทั้งปวงที่เข้ามาใกล้ตนโดยสิ่งนั้นก็ไม่ต่างจากสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของสัตว์สักเท่าไหร่นัก
แล้วการที่เธอพูดแบบนี้มันก็คิดได้เพียงแค่สองอย่าง หนึ่งคือเธอกลัวที่จะฆ่าคนไม่อยากจะทำให้ใครบาดเจ็บ สองคือเธอไม่ใช่พวกที่ถูกล่าแต่เป็นผู้ที่ล่าอย่างแท้จริง เพียงแค่ได้ดูอาการของเธอเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่า มันเป็นอย่างหลัง...
"เซนะเธอไม่ต้องกลัวไปหรอก ถ้าหากเธอมีฉันอยู่ด้วยเธอก็หมดห่วงเพราะว่าฉันจะเป็นดาบให้เธอเอง..."
เขาได้เข้าไปโอบกอดร่างของสาวน้อยที่กำลังตัวสั่นเสมือนโอบกอดลูกแมวน้อยที่ตกลงไปในน้ำ เขาได้ลูบหลังของเธออย่างเบาๆเพื่อช่วยปลอบโยนเธอ
ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมพิเกียถึงเป็นห่วงเธอขนาดนี้...
ยิ่งอยู่ด้วยกันนานเข้าเขาก็ยิ่งรู้จักเซนะมากขึ้นไปอีก มันช่างเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกับเพื่อนสนิทของเขาลิบลับ
เธอคนนั้นทั้งใจดีและดูสมบูรณ์แบบไปหมด ความตั้งใจของเธอไร้ที่ติและไม่เคยสั่นคลอนลงเลยแม้แต่น้อยซึ่งผิดกับเซนะที่อ่อนไหวได้ง่ายลิบลับ
แต่นั่นก็ทำให้เขาอยากที่จะปกป้องเธอมากยิ่งขึ้น
สายตาของเขามองว่าตนคืออัศวิน!
เป็นอัศวินที่จำเป็นสำหรับหญิงสาวตรงหน้า!
ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเขากำลังแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ พอเธอรู้สึกตัวอีกทีความกลัวจนตัวสั่นแบบเมื่อกี้ก็ได้หายไปจนหมด
สาวน้อยได้เงยหน้าขึ้นมามองเด็กหนุ่ม ถึงแม้ความสูงจะห่างกันอยู่นิดนึงแต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความเป็นผู้ใหญ่จากตัวของมาโกโตะ
"ขอบคุณนะมาโกโตะคุง"
"ไม่เป็นไรหรอก เธอไม่ต้องคิดมากไปหรอกนะนั่นก็เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วยังไงล่ะ"
"เพื่อน... นั่นสิเนอะ เพื่อน!"
เธอถึงกับยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
"เซนะถ้าหากว่าเธอไม่มีที่จะไปแล้วจริงๆพอหลังจากที่ฉันเคลียร์ปัญหาของฉันหมดลงแล้วเธอจะมาอยู่กับฉันก็ได้นะ ฉันยินดีที่จะต้อนรับเธอเสมอเลย"
"อื้ม~! ถ้าถึงตอนนั้นแล้วฉันยังไม่เปลี่ยนใจก็ขอฝากตัวด้วยนะ~" เธอได้กอดคืนกลับไป มันเป็นหนึ่งในนิสัยของเธอที่ออกจะแปลกๆไปสักหน่อยตรงที่เวลาใครทำอะไรดีๆให้เธอเธอก็มักจะทำแบบเดียวกันคืนกลับไป
ถึงแม้ว่าหน้าอกอันยิ่งใหญ่จะเบียดเสียดร่างของเด็กหนุ่มอยู่แต่เขาก็ไม่คิดถึงเรื่องลามกเลยแม้แต่นิดเดียว สำหรับเด็กหนุ่มอย่างมาโกโตะคิดกับเซนะในตอนนี้เป็นเพียงแค่น้องสาวสุดอ่อนแอที่ต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้...
กลัวที่จะฆ่าคน... มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากที่เธอคิดแบบนั้นโดยปกติที่หยิบจับอาวุธขึ้นมาของมนุษย์นั่นก็เพื่อป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายทั้งปวงที่เข้ามาใกล้ตนโดยสิ่งนั้นก็ไม่ต่างจากสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของสัตว์สักเท่าไหร่นัก
แล้วการที่เธอพูดแบบนี้มันก็คิดได้เพียงแค่สองอย่าง หนึ่งคือเธอกลัวที่จะฆ่าคนไม่อยากจะทำให้ใครบาดเจ็บ สองคือเธอไม่ใช่พวกที่ถูกล่าแต่เป็นผู้ที่ล่าอย่างแท้จริง เพียงแค่ได้ดูอาการของเธอเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่า มันเป็นอย่างหลัง...
"เซนะเธอไม่ต้องกลัวไปหรอก ถ้าหากเธอมีฉันอยู่ด้วยเธอก็หมดห่วงเพราะว่าฉันจะเป็นดาบให้เธอเอง..."
เขาได้เข้าไปโอบกอดร่างของสาวน้อยที่กำลังตัวสั่นเสมือนโอบกอดลูกแมวน้อยที่ตกลงไปในน้ำ เขาได้ลูบหลังของเธออย่างเบาๆเพื่อช่วยปลอบโยนเธอ
ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมพิเกียถึงเป็นห่วงเธอขนาดนี้...
ยิ่งอยู่ด้วยกันนานเข้าเขาก็ยิ่งรู้จักเซนะมากขึ้นไปอีก มันช่างเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกับเพื่อนสนิทของเขาลิบลับ
เธอคนนั้นทั้งใจดีและดูสมบูรณ์แบบไปหมด ความตั้งใจของเธอไร้ที่ติและไม่เคยสั่นคลอนลงเลยแม้แต่น้อยซึ่งผิดกับเซนะที่อ่อนไหวได้ง่ายลิบลับ
แต่นั่นก็ทำให้เขาอยากที่จะปกป้องเธอมากยิ่งขึ้น
สายตาของเขามองว่าตนคืออัศวิน!
เป็นอัศวินที่จำเป็นสำหรับหญิงสาวตรงหน้า!
ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเขากำลังแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ พอเธอรู้สึกตัวอีกทีความกลัวจนตัวสั่นแบบเมื่อกี้ก็ได้หายไปจนหมด
สาวน้อยได้เงยหน้าขึ้นมามองเด็กหนุ่ม ถึงแม้ความสูงจะห่างกันอยู่นิดนึงแต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความเป็นผู้ใหญ่จากตัวของมาโกโตะ
"ขอบคุณนะมาโกโตะคุง"
"ไม่เป็นไรหรอก เธอไม่ต้องคิดมากไปหรอกนะนั่นก็เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วยังไงล่ะ"
"เพื่อน... นั่นสิเนอะ เพื่อน!"
เธอถึงกับยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
"เซนะถ้าหากว่าเธอไม่มีที่จะไปแล้วจริงๆพอหลังจากที่ฉันเคลียร์ปัญหาของฉันหมดลงแล้วเธอจะมาอยู่กับฉันก็ได้นะ ฉันยินดีที่จะต้อนรับเธอเสมอเลย"
"อื้ม~! ถ้าถึงตอนนั้นแล้วฉันยังไม่เปลี่ยนใจก็ขอฝากตัวด้วยนะ~" เธอได้กอดคืนกลับไป มันเป็นหนึ่งในนิสัยของเธอที่ออกจะแปลกๆไปสักหน่อยตรงที่เวลาใครทำอะไรดีๆให้เธอเธอก็มักจะทำแบบเดียวกันคืนกลับไป
ถึงแม้ว่าหน้าอกอันยิ่งใหญ่จะเบียดเสียดร่างของเด็กหนุ่มอยู่แต่เขาก็ไม่คิดถึงเรื่องลามกเลยแม้แต่นิดเดียว สำหรับเด็กหนุ่มอย่างมาโกโตะคิดกับเซนะในตอนนี้เป็นเพียงแค่น้องสาวสุดอ่อนแอที่ต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้...
วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561
172
"แต่ถึงจะว่างั้นก็เถอะนะ.. แล้วไหงต้องหันหน้ามาทางนี้ขณะที่เปลี่ยนชุดด้วยล่ะ!" เด็กหนุ่มได้ตระโกนใส่เด็กสาวขณะที่กำลังถอดเสื้อคลุมออก
มันเป็นเรื่องที่ต่อให้เป็นเด็กก็รู้เลยว่ามันไม่ถูก
"กะ..ก็แบบมันอุ่นใจกว่านิ!"
"อุ่นใจของเธอทำฉันหัวใจจะวายเลยนะรู้ไหม!"
"ไม่รู้วววว~!"สาวน้อยได้พูดออกมาจากใจจริงขณะที่กำลังปล่อยผม แต่มาโกโตะดันคิดว่าเป็นการยั่วโมโหบวกกับอารมณ์ที่พรุ่งพล่านจึงทำให้เจ้าตัวพุ่งเข้าใส่เซนะจนล้มลงไปนอนคร่อมกันในที่สุด
"ว๊ายยย~ จะทำอะไรน่ะมาโกโตะคุง" แค่ปล่อยผมทุกอย่างก็เปลี่ยน ทั้งคำพูด ทั้งกลิ่นหอม ทั้งใบหน้า มันทำให้เธอดูเป็นสาวขึ้นมาทันที
"นี่เธอรู้ไหมว่าที่ทำอยู่มันก็ไม่ต่างจากการเอาน้ำมันไปราดกองไฟหรอกนะ ที่นี่มีแค่ฉันกับเธออยู่สองต่อสองเข้าใจไหมว่าฉันกำลังจะทำอะไรกับเธอต่อจากนี้"
"ไม่เข้าใจนะ" เธอได้แสดงสีหน้าเอ๋อๆออกมาอีกครั้งซึ่งมันยิ่งทำให้กองไฟที่ลุกอย่าแล้วลุกขึ้นไปอีก
"งั้นคืนนี้ฉันจะสอนเธอเอง จะสอนแบบไม่มีวันลืมเลย~!!!"
"กรี๊ดดดดดด~!!!!"
เสียงร้องของสาวน้อยได้ดังขึ้นมาอีกเป็นระยะๆ ค่ำคืนแห่งการพบกันครั้งแรกของทั้งสองคนมันได้ฝังใจของกันและกันจนไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน
หลังจากพระอาทิตย์ยามเช้าขึ้นก็เป็นเวลาออกเดินทางที่ดีสำหรับการหาทางออกไปจากป่าแห่งนี้ ทั้งสองได้เดินเคียงคู่กันไปอย่างกับคนรัก ก่อนออกเดินทางพวกเขาก็ได้ทานอาหารและอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยเพราะความช่วยเหลือจากหมีตัวเมื่อวานจึงทำให้การเดินทางดูสมกับเป็นการเดินทางผจญภัยมากขึ้น
ชุดของทั้งสองได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อวานฝั่งของมาโกโตะยังคงคอนเซปเป็นชุดนักเรียนเอาไว้แต่ที่เปลี่ยนมาคือเปลี่ยนจากเสื้อคลุมเป็นเสื้อทับ ฝั่งของเซนะก็ได้เปลี่ยนจากชุดของผู้ชายมาเป็นชุดของผู้หญิงแบบเต็มตัว
ผมยาวสลวยสีส้มได้ทำให้มีกลิ่นกายรอยฟุ้งไปทั่ว รอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ได้ทำให้อหล่าสัตว์ที่ถูกจ้องถึงกับเป็นลมหงายเก๋ง ชุดที่เธอสวมก็เป็นชุดนักเรียนที่แม่ของมาโกโตะเคยใส่ตอนเรียนเรื่องการบินและการบริการโดยสาเหตุที่ดันมีชุดพวกนี้ในคลังก็เพราะแม่ของตนแอบยัดเข้ามาโดยแฝงไปด้วยความคิดอกุศลอย่างเต็มเปี่ยม
แต่ในระหว่างการเดินทางก็ได้เกิดการสนทนาจิกกัดระหว่างสองคนนั่นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
"ว่าแต่เรื่องเมื่อคืนทำไมเธอถึงต้องร้องลั่นขนาดนั้นด้วยล่ะ"
"ไม่ร้องน่ะสิแปลก!"
"แห่ม.. ฉันแค่จับเธอเปลี่ยนชุดเองนะ"
"ก็ฉันทำเองได้นี่น่า~!"
"แล้วตอนเช้าที่ยืนจ้องชุดกว่าสองชั่วโมงคือ!"
"กะ..ก็แบบขอทำใจแป๊บนึง"
"จนกว่าเธอจะสามารถใส่มันได้เองฉันคงต้องจัดการเรื่องการแต่งตัวให้กับเธอแล้วล่ะเพราะไม่งั้นมันคงจะเป็นการเสียเวลามากมายหากเธอจะแต่งตัว"
"ไม่น่าาาา~! แง๊~!!!"
สาวน้อยได้พุ่งเข้ามากอดแขนข้างหนึ่งเพื่อเป็นการอ้อน
"พักเรื่องนั้นแล้วเข้าเรื่องกันดีกว่า ตอนนี้พวกเราต้องหาที่อยู่"
"ในป่าไม่ได้หรอ~"
"นี่แม่คุณมาจากยุคหินหรอ..."
สิ่งที่เขาคิดเอาไว้ทั้งหมดได้พังไม่เป็นท่า เป้าหมายที่เพิ่งได้รับกับทำสำเร็จอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อแต่ถึงจะเจอกับเซนะแล้วก็ตามแต่ปัญหาที่ตามมาก็คือพิเกียที่กำลังรักษาร่างของเขาอยู่ เขาไม่สามารถคุยกับพิเกียได้เลยซึ่งก็หมายความว่าเขาจะต้องปกป้องเซนะเอาไว้จนกว่าจะถึงตอนที่พิเกียออกมา
พอถึงตอนนั้นพันธะทั้งหมดของเขาก็จะหายไปครึ่งนึง
"เอาเป็นว่าฉันจะปกป้องเธอเองเพราะงั้นห้ามอยู่ห่างจากฉันเข้าใจไหมเซนะ"
"งื้ม~" สาวน้อยได้พยักหน้ารับคำของมาโกโตะ
แต่เด็กหนุ่มกับสัมผัสได้เลยว่าเรื่องที่เขาขอไว้จะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ไม่ช้าก็เร็ว....
"นี่เซนะเธอพอสู้ได้ไหม"
"ถามทำไมหรอ?"
"ก็เดี๋ยวฉันจะได้ฝึกให้เธอยังไงล่ะ!"
"เอ๋~!!!"
มาโกโตะเขาเป็นเด็กอัจฉริยะของแท้ เพราะงั้นความรู้ของเขาจึงมีมากพอๆกับระดับศาตราจารย์เลยก็ว่าได้ ในอนาคตเขายังถูกทาบทามจากองค์กรณ์ดังๆทั่วโลกเพราะงั้นการที่เขาจะสอนอะไรให้กับใครสักคนจึงเป็นเรื่องที่สุดยอดมากๆ
แต่ทว่าเซนะกับไม่สนใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว..
"ไม่เอา ฉันไม่อยากต่อสู้"
"ฉันเข้าใจเพราะพวกผู้หญิงส่วนมากมักจะไม่ชอบในเรื่องการใช้กำลังฉันได้รู้มาจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งแต่ว่าในตอนนี้เธอควรจะมีมันเอาไว้สำหรับยามฉุกเฉิน มันจะต้องมีประโยชน์มากสำหรับอนาคตต่อจากนี้ของเธออย่างแน่นอน"
"ฉันรู้แต่ว่าฉันกลัว.."
"กลัวที่จะต่อสู้สินะ ในตอนแรกฉันก็เป็นแต่เดี๋ยวมันก็ชินไปเอง" เขาได้พูดปลอบใจสาวน้อยที่กำลังตัวสั่น
"ไม่ใช่..."
"ว่าไงนะ"
"มันไม่ใช่ความกลัวแบบนั้น"
"แล้วมันคือความกลัวแบบไหนกัน?" เสียงหอบได้ดังขึ้นมาเรื่อยๆ สาวน้อยในตอนนี้กำลังยืนกอดอกอย่างทรมาณ ความกลัวของเธอได้ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มหน้าซีด มันส่งผ่านมาทางท่าทีของเธอหมดแล้ว...
"ความกลัวของฉันคือ ความกลัวที่จะฆ่าคน!"
"แต่ถึงจะว่างั้นก็เถอะนะ.. แล้วไหงต้องหันหน้ามาทางนี้ขณะที่เปลี่ยนชุดด้วยล่ะ!" เด็กหนุ่มได้ตระโกนใส่เด็กสาวขณะที่กำลังถอดเสื้อคลุมออก
มันเป็นเรื่องที่ต่อให้เป็นเด็กก็รู้เลยว่ามันไม่ถูก
"กะ..ก็แบบมันอุ่นใจกว่านิ!"
"อุ่นใจของเธอทำฉันหัวใจจะวายเลยนะรู้ไหม!"
"ไม่รู้วววว~!"สาวน้อยได้พูดออกมาจากใจจริงขณะที่กำลังปล่อยผม แต่มาโกโตะดันคิดว่าเป็นการยั่วโมโหบวกกับอารมณ์ที่พรุ่งพล่านจึงทำให้เจ้าตัวพุ่งเข้าใส่เซนะจนล้มลงไปนอนคร่อมกันในที่สุด
"ว๊ายยย~ จะทำอะไรน่ะมาโกโตะคุง" แค่ปล่อยผมทุกอย่างก็เปลี่ยน ทั้งคำพูด ทั้งกลิ่นหอม ทั้งใบหน้า มันทำให้เธอดูเป็นสาวขึ้นมาทันที
"นี่เธอรู้ไหมว่าที่ทำอยู่มันก็ไม่ต่างจากการเอาน้ำมันไปราดกองไฟหรอกนะ ที่นี่มีแค่ฉันกับเธออยู่สองต่อสองเข้าใจไหมว่าฉันกำลังจะทำอะไรกับเธอต่อจากนี้"
"ไม่เข้าใจนะ" เธอได้แสดงสีหน้าเอ๋อๆออกมาอีกครั้งซึ่งมันยิ่งทำให้กองไฟที่ลุกอย่าแล้วลุกขึ้นไปอีก
"งั้นคืนนี้ฉันจะสอนเธอเอง จะสอนแบบไม่มีวันลืมเลย~!!!"
"กรี๊ดดดดดด~!!!!"
เสียงร้องของสาวน้อยได้ดังขึ้นมาอีกเป็นระยะๆ ค่ำคืนแห่งการพบกันครั้งแรกของทั้งสองคนมันได้ฝังใจของกันและกันจนไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน
หลังจากพระอาทิตย์ยามเช้าขึ้นก็เป็นเวลาออกเดินทางที่ดีสำหรับการหาทางออกไปจากป่าแห่งนี้ ทั้งสองได้เดินเคียงคู่กันไปอย่างกับคนรัก ก่อนออกเดินทางพวกเขาก็ได้ทานอาหารและอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยเพราะความช่วยเหลือจากหมีตัวเมื่อวานจึงทำให้การเดินทางดูสมกับเป็นการเดินทางผจญภัยมากขึ้น
ชุดของทั้งสองได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อวานฝั่งของมาโกโตะยังคงคอนเซปเป็นชุดนักเรียนเอาไว้แต่ที่เปลี่ยนมาคือเปลี่ยนจากเสื้อคลุมเป็นเสื้อทับ ฝั่งของเซนะก็ได้เปลี่ยนจากชุดของผู้ชายมาเป็นชุดของผู้หญิงแบบเต็มตัว
ผมยาวสลวยสีส้มได้ทำให้มีกลิ่นกายรอยฟุ้งไปทั่ว รอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ได้ทำให้อหล่าสัตว์ที่ถูกจ้องถึงกับเป็นลมหงายเก๋ง ชุดที่เธอสวมก็เป็นชุดนักเรียนที่แม่ของมาโกโตะเคยใส่ตอนเรียนเรื่องการบินและการบริการโดยสาเหตุที่ดันมีชุดพวกนี้ในคลังก็เพราะแม่ของตนแอบยัดเข้ามาโดยแฝงไปด้วยความคิดอกุศลอย่างเต็มเปี่ยม
แต่ในระหว่างการเดินทางก็ได้เกิดการสนทนาจิกกัดระหว่างสองคนนั่นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
"ว่าแต่เรื่องเมื่อคืนทำไมเธอถึงต้องร้องลั่นขนาดนั้นด้วยล่ะ"
"ไม่ร้องน่ะสิแปลก!"
"แห่ม.. ฉันแค่จับเธอเปลี่ยนชุดเองนะ"
"ก็ฉันทำเองได้นี่น่า~!"
"แล้วตอนเช้าที่ยืนจ้องชุดกว่าสองชั่วโมงคือ!"
"กะ..ก็แบบขอทำใจแป๊บนึง"
"จนกว่าเธอจะสามารถใส่มันได้เองฉันคงต้องจัดการเรื่องการแต่งตัวให้กับเธอแล้วล่ะเพราะไม่งั้นมันคงจะเป็นการเสียเวลามากมายหากเธอจะแต่งตัว"
"ไม่น่าาาา~! แง๊~!!!"
สาวน้อยได้พุ่งเข้ามากอดแขนข้างหนึ่งเพื่อเป็นการอ้อน
"พักเรื่องนั้นแล้วเข้าเรื่องกันดีกว่า ตอนนี้พวกเราต้องหาที่อยู่"
"ในป่าไม่ได้หรอ~"
"นี่แม่คุณมาจากยุคหินหรอ..."
สิ่งที่เขาคิดเอาไว้ทั้งหมดได้พังไม่เป็นท่า เป้าหมายที่เพิ่งได้รับกับทำสำเร็จอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อแต่ถึงจะเจอกับเซนะแล้วก็ตามแต่ปัญหาที่ตามมาก็คือพิเกียที่กำลังรักษาร่างของเขาอยู่ เขาไม่สามารถคุยกับพิเกียได้เลยซึ่งก็หมายความว่าเขาจะต้องปกป้องเซนะเอาไว้จนกว่าจะถึงตอนที่พิเกียออกมา
พอถึงตอนนั้นพันธะทั้งหมดของเขาก็จะหายไปครึ่งนึง
"เอาเป็นว่าฉันจะปกป้องเธอเองเพราะงั้นห้ามอยู่ห่างจากฉันเข้าใจไหมเซนะ"
"งื้ม~" สาวน้อยได้พยักหน้ารับคำของมาโกโตะ
แต่เด็กหนุ่มกับสัมผัสได้เลยว่าเรื่องที่เขาขอไว้จะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ไม่ช้าก็เร็ว....
"นี่เซนะเธอพอสู้ได้ไหม"
"ถามทำไมหรอ?"
"ก็เดี๋ยวฉันจะได้ฝึกให้เธอยังไงล่ะ!"
"เอ๋~!!!"
มาโกโตะเขาเป็นเด็กอัจฉริยะของแท้ เพราะงั้นความรู้ของเขาจึงมีมากพอๆกับระดับศาตราจารย์เลยก็ว่าได้ ในอนาคตเขายังถูกทาบทามจากองค์กรณ์ดังๆทั่วโลกเพราะงั้นการที่เขาจะสอนอะไรให้กับใครสักคนจึงเป็นเรื่องที่สุดยอดมากๆ
แต่ทว่าเซนะกับไม่สนใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว..
"ไม่เอา ฉันไม่อยากต่อสู้"
"ฉันเข้าใจเพราะพวกผู้หญิงส่วนมากมักจะไม่ชอบในเรื่องการใช้กำลังฉันได้รู้มาจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งแต่ว่าในตอนนี้เธอควรจะมีมันเอาไว้สำหรับยามฉุกเฉิน มันจะต้องมีประโยชน์มากสำหรับอนาคตต่อจากนี้ของเธออย่างแน่นอน"
"ฉันรู้แต่ว่าฉันกลัว.."
"กลัวที่จะต่อสู้สินะ ในตอนแรกฉันก็เป็นแต่เดี๋ยวมันก็ชินไปเอง" เขาได้พูดปลอบใจสาวน้อยที่กำลังตัวสั่น
"ไม่ใช่..."
"ว่าไงนะ"
"มันไม่ใช่ความกลัวแบบนั้น"
"แล้วมันคือความกลัวแบบไหนกัน?" เสียงหอบได้ดังขึ้นมาเรื่อยๆ สาวน้อยในตอนนี้กำลังยืนกอดอกอย่างทรมาณ ความกลัวของเธอได้ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มหน้าซีด มันส่งผ่านมาทางท่าทีของเธอหมดแล้ว...
"ความกลัวของฉันคือ ความกลัวที่จะฆ่าคน!"
วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2561
171
หากลูกชายของเขาเกิดทำผิดพลาดขึ้นมา คนที่จะเสียหน้าที่สุดก็คือแม่ของเขานั่นเอง
ต้องดีที่สุด!
ต้องสมบูรณ์ทุกอย่าง!
หากทำตามทุกอย่างที่วางเอาไว้จะต้องไปได้สวย!
เขาไม่ยอมแน่นอนที่จะทำให้แม่ของตนต้องมาเสียหน้าเพราะฝีมือของลูกชายไม่เอาไหนแบบเขา
"ตะ..แต่ว่าผมคงทำไม่ได้หรอก"
"ทำได้สิเซนะเธอเหมือนกับฉันเป็นคนที่มีความเป็นไปได้อันไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ในตัว ถึงแม้จะเป็นพวกบ้าๆกันไปสักหน่อยแต่คนของตระกูล ชิราสากิ คือคนที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้อย่างแน่นอนแม่ของฉันเขาบอกมาแบบนี้น่ะ"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ผมต้องใส่ชุดพวกนั้นล่ะ!?"เธอมองมายังมาโกโตะที่กำลังเทียบชุดกับเธออยู่
"มันคือการก้าวข้ามตัวเองยังไงล่ะ!"
"ก้าวข้าม!?"
ความสมบูรณ์แบบ สิ่งนี้คือคติประจำใจของเขาจนกระทั่งก่อนวันงานหนึ่งวัน มันเป็นวันที่เหมือนกับวันนี้แต่ที่แย่หน่อยคือเขาเป็นเซนะและแม่ของเขาก็คือตัวเขาในตอนนี้
ในช่วงค่ำที่เขากำลังฝึกการทำอาหารอยู่นั้นแม่ของเขาก็ได้เดินเข้ามา เธอได้เดินมาหาตัวเขาด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์
"ผมกำลังยุ่งอยู่เพราะงั้นอย่ามากวน"
"ลูกคิดจะทำอะไร"
"ก็ทำอาหารฟูลคอร์สไงครับหากเป็นอาหารนี้ที่ชอบใช้ในงานใหญ่ๆล่ะก็คงได้คะแนนจากทุกคนเต็มร้อยแน่นอน"
"แล้วลูกคิดจะทำตามชาวบ้านเขาไปถึงเมื่อไหร่!"
"ทำตาม!"
"คิดว่าแม่ไม่รู้หรอว่าลูกคิดจะทำอะไร ทั้งอาหาร การแสดง กายกรรม มายากล ลูกเอาแต่คิดจะทำตามของคนอื่นเขาหมดเลยก็จริงอยู่ว่ามันอาจจะทำให้คนที่มางานในวันนี้ชอบใจแต่นั่นมันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาผลงานของคนอื่นมาใช้เลยเรียกง่ายๆว่า ลอก!"
"แล้วถ้างั้นผมควรจะทำยังไงล่ะ!?"
"แสดงผลงานที่มีแต่ลูกคนเดียวที่ทำได้สิ ใช้ความรู้ที่มีมาทั้งหมดก้าวข้ามความสมบูรณ์แบบจอมปลอมนั่นไปซะ มันก็เหมือนกับตัวเลขที่ไม่มีวันสิ้นสุด มันถึงเวลาแล้วที่ลูกจะต้องมุ่งไปจุดที่สูงยิ่งกว่า!"
"ก้าวข้ามข้ามความสมบูรณ์!"
และแล้ววันจริงก็มาถึง เราได้ทำในสิ่งที่เราคนเดียวทำได้ขึ้นมากลางงานแน่นอนว่าบางรายการเราก็ต้องด้นสุดแต่ในวันนั้นเราก็ได้รู้สึกถึงความภูมิใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
"ขอบเขตที่เราตั้งเอาไว้มันก็เหมือนกับเป็นการปิดกันตัวเองที่สามารถพัฒนาได้มากกว่านี้ให้หยุดอยู่กับที่เพราะงั้นถึงต้องทำลายมันแล้วก้าวเดินต่อไป ถ้าเธออยากจะไปให้ถึงจุดสูงสุดเธอก็ควรจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นกำแพงซึ่งนั่นก็คือ ความหยิ่งทะนง!"
สาวน้อยได้จับชุดที่มาโกโตะถืออยู่ค้างเอาไว้ก่อนจะมองมาด้วยสายตาแบบเดียวกับของตน
สายตาของคนที่เตรียมใจจะก้าวข้ามอะไรบางอย่าง
"ก็ได้!"
"มันต้องอย่างนี้สิ!"
ทั้งสองได้ยิ้มให้กันและกัน เขาสัมผัสได้เลยว่าหากเป็นเซนะล่ะก็ต้องเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้จริงๆ
ภาพของแม่เขาได้สะท้อนกับภาพของเซนะ
ภาพทั้งสองได้ซิงโครกันอย่างลงตัว
มันไม่น่าแปลกใจเลยหากว่าเซนะจะเป็นบรรพบุรุษของเขา ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ยุคไหน แต่ตระกูลชิราสากิก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
หากลูกชายของเขาเกิดทำผิดพลาดขึ้นมา คนที่จะเสียหน้าที่สุดก็คือแม่ของเขานั่นเอง
ต้องดีที่สุด!
ต้องสมบูรณ์ทุกอย่าง!
หากทำตามทุกอย่างที่วางเอาไว้จะต้องไปได้สวย!
เขาไม่ยอมแน่นอนที่จะทำให้แม่ของตนต้องมาเสียหน้าเพราะฝีมือของลูกชายไม่เอาไหนแบบเขา
"ตะ..แต่ว่าผมคงทำไม่ได้หรอก"
"ทำได้สิเซนะเธอเหมือนกับฉันเป็นคนที่มีความเป็นไปได้อันไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ในตัว ถึงแม้จะเป็นพวกบ้าๆกันไปสักหน่อยแต่คนของตระกูล ชิราสากิ คือคนที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้อย่างแน่นอนแม่ของฉันเขาบอกมาแบบนี้น่ะ"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ผมต้องใส่ชุดพวกนั้นล่ะ!?"เธอมองมายังมาโกโตะที่กำลังเทียบชุดกับเธออยู่
"มันคือการก้าวข้ามตัวเองยังไงล่ะ!"
"ก้าวข้าม!?"
ความสมบูรณ์แบบ สิ่งนี้คือคติประจำใจของเขาจนกระทั่งก่อนวันงานหนึ่งวัน มันเป็นวันที่เหมือนกับวันนี้แต่ที่แย่หน่อยคือเขาเป็นเซนะและแม่ของเขาก็คือตัวเขาในตอนนี้
ในช่วงค่ำที่เขากำลังฝึกการทำอาหารอยู่นั้นแม่ของเขาก็ได้เดินเข้ามา เธอได้เดินมาหาตัวเขาด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์
"ผมกำลังยุ่งอยู่เพราะงั้นอย่ามากวน"
"ลูกคิดจะทำอะไร"
"ก็ทำอาหารฟูลคอร์สไงครับหากเป็นอาหารนี้ที่ชอบใช้ในงานใหญ่ๆล่ะก็คงได้คะแนนจากทุกคนเต็มร้อยแน่นอน"
"แล้วลูกคิดจะทำตามชาวบ้านเขาไปถึงเมื่อไหร่!"
"ทำตาม!"
"คิดว่าแม่ไม่รู้หรอว่าลูกคิดจะทำอะไร ทั้งอาหาร การแสดง กายกรรม มายากล ลูกเอาแต่คิดจะทำตามของคนอื่นเขาหมดเลยก็จริงอยู่ว่ามันอาจจะทำให้คนที่มางานในวันนี้ชอบใจแต่นั่นมันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาผลงานของคนอื่นมาใช้เลยเรียกง่ายๆว่า ลอก!"
"แล้วถ้างั้นผมควรจะทำยังไงล่ะ!?"
"แสดงผลงานที่มีแต่ลูกคนเดียวที่ทำได้สิ ใช้ความรู้ที่มีมาทั้งหมดก้าวข้ามความสมบูรณ์แบบจอมปลอมนั่นไปซะ มันก็เหมือนกับตัวเลขที่ไม่มีวันสิ้นสุด มันถึงเวลาแล้วที่ลูกจะต้องมุ่งไปจุดที่สูงยิ่งกว่า!"
"ก้าวข้ามข้ามความสมบูรณ์!"
และแล้ววันจริงก็มาถึง เราได้ทำในสิ่งที่เราคนเดียวทำได้ขึ้นมากลางงานแน่นอนว่าบางรายการเราก็ต้องด้นสุดแต่ในวันนั้นเราก็ได้รู้สึกถึงความภูมิใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
"ขอบเขตที่เราตั้งเอาไว้มันก็เหมือนกับเป็นการปิดกันตัวเองที่สามารถพัฒนาได้มากกว่านี้ให้หยุดอยู่กับที่เพราะงั้นถึงต้องทำลายมันแล้วก้าวเดินต่อไป ถ้าเธออยากจะไปให้ถึงจุดสูงสุดเธอก็ควรจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นกำแพงซึ่งนั่นก็คือ ความหยิ่งทะนง!"
สาวน้อยได้จับชุดที่มาโกโตะถืออยู่ค้างเอาไว้ก่อนจะมองมาด้วยสายตาแบบเดียวกับของตน
สายตาของคนที่เตรียมใจจะก้าวข้ามอะไรบางอย่าง
"ก็ได้!"
"มันต้องอย่างนี้สิ!"
ทั้งสองได้ยิ้มให้กันและกัน เขาสัมผัสได้เลยว่าหากเป็นเซนะล่ะก็ต้องเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้จริงๆ
ภาพของแม่เขาได้สะท้อนกับภาพของเซนะ
ภาพทั้งสองได้ซิงโครกันอย่างลงตัว
มันไม่น่าแปลกใจเลยหากว่าเซนะจะเป็นบรรพบุรุษของเขา ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ยุคไหน แต่ตระกูลชิราสากิก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
170
ในช่วงยามเย็นอันเงียบสงัด
ชายหญิงสองคนกำลังนั่งล้อมรอบกองไฟอยู่สองต่อสองภายในถ้ำ ในช่วงที่ว่างๆอยู่นี้นั้นจึงเป็นโอกาสดีที่จะได้พูดคุยกัน
"เอิ่ม..นี่เซนะเธอพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองบ้างไหมอะไรก็ได้"
"ไม่เลย ผมจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง.. "
"งั้นเธอมีสิ่งที่อยากจะทำไหม"
"ไม่มี ผมไม่รู้ว่าจะทำอะไรทั้งนั้น.. "
ไร้ซึ่งความทรงจำโดยสมบูรณ์แบบเลยสินะ มาโกโตะได้วิเคราะห์อย่างใจเย็น ในสถานการณ์ที่จำอะไรไม่ได้แบบนี้ถึงจะบอกเรื่องของพิเกียไปก็เท่านั้นและถ้าขืนบอกไปมันจะเป็นการทำให้รกสมองสักเปล่าๆ..
เด็กหนุ่มได้มองหน้าเด็กสาว เธอมองสบตากลับมาแบบงงๆเมื่อรู้ว่ากำลังถูกมองอยู่ อาไยหยอ~
"นี่เซนะ.. ฉันว่าเธอควรจะเปลี่ยนชุดได้แล้วล่ะชุดที่เธอใส่อยู่นั้นมันขาดจนสภาพดูไม่ได้แล้วล่ะ"
"แต่ผมไม่มีชุดเปลี่ยนนี่น่า~"
"แต่ฉันมี"
มาโกโตะได้ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตนก่อนจะหยิบตู้เสื้อผ้าออกมาจากในกระเป๋า นี่คือสิ่งที่คนทุกคนต้องมีในอนาคต
กระเป๋า 4 มิติ
มันเป็นกระเป๋าที่ข้างในนั้นเป็นมิติสมชื่อโดยมันจะสามารถบรรจุของต่างๆได้มากมายอย่างน่าเหลือเชื่อซึ่งมันจะถูกคิดค้นขึ้นมาในอีก 150 ปีหลังจากนี้
เขาได้ลุกขึ้นเดินไปยังตู้เสื้อผ้าพริบตาที่เดินเข้ามาตู้ก็ได้เปิดประตูออกทันที เด็กหนุ่มจึงมองชุดอยู่นานก่อนจะหยิบชุดนอนน่ารักออกมา
"ok ชุดนี้เธอชอบไหมเซนะ"
"ไม่เอา!"
"งั้นนี่ล่ะ!"
"ไม่เอา"
"งั้นก็นี่ๆๆ แล้วก็นี่ล่ะ ชุดนี้ด้วย!"
ถึงแม้จะหยิบชุดน่ารักๆออกมาจนหมดตู้เธอก็ยังไม่พอใจกับชุดอยู่ดีจนเด็กหนุ่มถึงกับหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
"งั้นฉันขอถามเหตุผลที่เธอไม่เอาหน่อยสิ"
"เพราะว่ามันเป็นชุดของผู้หญิงยังไงล่ะ!"
"เธอก็เป็นผู้หญิงไม่ใช่หรอ~!"
"ผู้ชายต่างหากกก~!"
และนี่ก็เป็นครั้งที่สองที่มาโกโตะต้องเอามือก่ายหน้าผาก เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพิเกียถึงเป็นห่วงเธอขนาดนี้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม...
"งั้นฉันขอถามหน่อยว่าทำไมเธอถึงต้องยึดติดกับเรื่องแบบนี้ด้วย"
"ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองจะปฏิเสธการเป็นผู้หญิงอย่างถึงที่สุด คงเพราะว่าผมคิดว่าผู้ชายเข้มแข็งกว่าผู้หญิงก็ได้"
"งั้นหรอ.. แต่ว่านะฉันจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งผู้หญิงไม่ได้อ่อนแอแต่แค่ถูกมองว่าบอบบางก็เท่านั้นยกตัวอย่างก็แม่ของฉัน เขาแข็งแกร่งจนถูกขนานามว่าวีรสตรีสงครามเลยล่ะ"
"งึ่มม..แล้ว.. " เธอได้ทำหน้าตายเมินคำพูดของมาโกโตะ เขาเองก็รู้ดีว่าเพราะอะไร
เธอไม่อยากยอมรับ! หากเธอยอมรับก็เท่ากับว่าเธอแพ้เพราะงั้นเธอถึงต้องปฏิเสธต่อไปเรื่อยๆ
เซนะในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเขาในตอนเด็กๆ
มันเหมือนกับว่าเขากำลังยืนคุยกับตัวเองในอดีตไม่มีผิด...
"เซนะสิ่งที่เธอต้องการคือความแข็งแกร่งสินะ แข็งแกร่งในแบบของผู้ชาย"
"ใช่แล้ว!"
"อ่อนหัด!"
"ว่าไงนะ!?"
"ฉันบอกว่าอ่อนหัดยังไงล่ะ! ถ้าหากเธอคิดว่านั่นคือความแข็งแกร่งที่สุดยอดแล้วเธอก็ไม่ต่างจากพวกมือสมัครเล่น ถ้าหากว่าเธอจะแข็งแกร่งจริงๆล่ะก็เธอควรจะแข็งแกร่งให้เหนือกว่าผู้ชายไปเลยสิ!"
"เหนือกว่าผู้ชาย.. !"
ใช่แล้ว ถึงจะน่ารำคาญไปหน่อยแต่ก็ต้องขอขอบคุณจริงๆนะครับแม่! เด็กหนุ่มได้นึกถึงวันที่ตนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเซนะ ในวันนั้นเป็นวันที่เขาต้องไปงานใหญ่ๆที่มีแต่ผู้คนมากมายแถมเขายังเป็นตัวหลักของงานอีกด้วย
แรงกดดันมากมาย ความคาดหวังที่ได้รับ ตัวเขาได้แบกรับทุกอย่างเอาไว้บนหลัง ต้องทำให้เป๊ะๆ ห้ามทำผิดพลาดสถานเดียว นี่ไม่ใช่เพื่อตัวของเขาแต่เป็นเพื่อแม่!
แม่ที่ต้องเลี้ยงดูเขามาโดยตลอด!
ในช่วงยามเย็นอันเงียบสงัด
ชายหญิงสองคนกำลังนั่งล้อมรอบกองไฟอยู่สองต่อสองภายในถ้ำ ในช่วงที่ว่างๆอยู่นี้นั้นจึงเป็นโอกาสดีที่จะได้พูดคุยกัน
"เอิ่ม..นี่เซนะเธอพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองบ้างไหมอะไรก็ได้"
"ไม่เลย ผมจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง.. "
"งั้นเธอมีสิ่งที่อยากจะทำไหม"
"ไม่มี ผมไม่รู้ว่าจะทำอะไรทั้งนั้น.. "
ไร้ซึ่งความทรงจำโดยสมบูรณ์แบบเลยสินะ มาโกโตะได้วิเคราะห์อย่างใจเย็น ในสถานการณ์ที่จำอะไรไม่ได้แบบนี้ถึงจะบอกเรื่องของพิเกียไปก็เท่านั้นและถ้าขืนบอกไปมันจะเป็นการทำให้รกสมองสักเปล่าๆ..
เด็กหนุ่มได้มองหน้าเด็กสาว เธอมองสบตากลับมาแบบงงๆเมื่อรู้ว่ากำลังถูกมองอยู่ อาไยหยอ~
"นี่เซนะ.. ฉันว่าเธอควรจะเปลี่ยนชุดได้แล้วล่ะชุดที่เธอใส่อยู่นั้นมันขาดจนสภาพดูไม่ได้แล้วล่ะ"
"แต่ผมไม่มีชุดเปลี่ยนนี่น่า~"
"แต่ฉันมี"
มาโกโตะได้ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตนก่อนจะหยิบตู้เสื้อผ้าออกมาจากในกระเป๋า นี่คือสิ่งที่คนทุกคนต้องมีในอนาคต
กระเป๋า 4 มิติ
มันเป็นกระเป๋าที่ข้างในนั้นเป็นมิติสมชื่อโดยมันจะสามารถบรรจุของต่างๆได้มากมายอย่างน่าเหลือเชื่อซึ่งมันจะถูกคิดค้นขึ้นมาในอีก 150 ปีหลังจากนี้
เขาได้ลุกขึ้นเดินไปยังตู้เสื้อผ้าพริบตาที่เดินเข้ามาตู้ก็ได้เปิดประตูออกทันที เด็กหนุ่มจึงมองชุดอยู่นานก่อนจะหยิบชุดนอนน่ารักออกมา
"ok ชุดนี้เธอชอบไหมเซนะ"
"ไม่เอา!"
"งั้นนี่ล่ะ!"
"ไม่เอา"
"งั้นก็นี่ๆๆ แล้วก็นี่ล่ะ ชุดนี้ด้วย!"
ถึงแม้จะหยิบชุดน่ารักๆออกมาจนหมดตู้เธอก็ยังไม่พอใจกับชุดอยู่ดีจนเด็กหนุ่มถึงกับหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
"งั้นฉันขอถามเหตุผลที่เธอไม่เอาหน่อยสิ"
"เพราะว่ามันเป็นชุดของผู้หญิงยังไงล่ะ!"
"เธอก็เป็นผู้หญิงไม่ใช่หรอ~!"
"ผู้ชายต่างหากกก~!"
และนี่ก็เป็นครั้งที่สองที่มาโกโตะต้องเอามือก่ายหน้าผาก เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพิเกียถึงเป็นห่วงเธอขนาดนี้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม...
"งั้นฉันขอถามหน่อยว่าทำไมเธอถึงต้องยึดติดกับเรื่องแบบนี้ด้วย"
"ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองจะปฏิเสธการเป็นผู้หญิงอย่างถึงที่สุด คงเพราะว่าผมคิดว่าผู้ชายเข้มแข็งกว่าผู้หญิงก็ได้"
"งั้นหรอ.. แต่ว่านะฉันจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งผู้หญิงไม่ได้อ่อนแอแต่แค่ถูกมองว่าบอบบางก็เท่านั้นยกตัวอย่างก็แม่ของฉัน เขาแข็งแกร่งจนถูกขนานามว่าวีรสตรีสงครามเลยล่ะ"
"งึ่มม..แล้ว.. " เธอได้ทำหน้าตายเมินคำพูดของมาโกโตะ เขาเองก็รู้ดีว่าเพราะอะไร
เธอไม่อยากยอมรับ! หากเธอยอมรับก็เท่ากับว่าเธอแพ้เพราะงั้นเธอถึงต้องปฏิเสธต่อไปเรื่อยๆ
เซนะในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเขาในตอนเด็กๆ
มันเหมือนกับว่าเขากำลังยืนคุยกับตัวเองในอดีตไม่มีผิด...
"เซนะสิ่งที่เธอต้องการคือความแข็งแกร่งสินะ แข็งแกร่งในแบบของผู้ชาย"
"ใช่แล้ว!"
"อ่อนหัด!"
"ว่าไงนะ!?"
"ฉันบอกว่าอ่อนหัดยังไงล่ะ! ถ้าหากเธอคิดว่านั่นคือความแข็งแกร่งที่สุดยอดแล้วเธอก็ไม่ต่างจากพวกมือสมัครเล่น ถ้าหากว่าเธอจะแข็งแกร่งจริงๆล่ะก็เธอควรจะแข็งแกร่งให้เหนือกว่าผู้ชายไปเลยสิ!"
"เหนือกว่าผู้ชาย.. !"
ใช่แล้ว ถึงจะน่ารำคาญไปหน่อยแต่ก็ต้องขอขอบคุณจริงๆนะครับแม่! เด็กหนุ่มได้นึกถึงวันที่ตนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเซนะ ในวันนั้นเป็นวันที่เขาต้องไปงานใหญ่ๆที่มีแต่ผู้คนมากมายแถมเขายังเป็นตัวหลักของงานอีกด้วย
แรงกดดันมากมาย ความคาดหวังที่ได้รับ ตัวเขาได้แบกรับทุกอย่างเอาไว้บนหลัง ต้องทำให้เป๊ะๆ ห้ามทำผิดพลาดสถานเดียว นี่ไม่ใช่เพื่อตัวของเขาแต่เป็นเพื่อแม่!
แม่ที่ต้องเลี้ยงดูเขามาโดยตลอด!
169
ในป่า สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ๆก็มีอยู่ด้วยกันสามอย่างหนึ่งในนั้นก็คือที่พัก
จริงอยู่ว่าที่พวกเราสามารถนอนได้โดยที่ไม่ต้องมีที่พักแต่ทว่านั่นก็ไม่ต่างอะไรกับแรงดึงดูดต่อเหล่าสัตว์ร้ายต่างๆที่เป็นภัยเพราะงั้นพวกคงต้องหาที่หลบภัยพร้อมกับเฝ้าระวังสัตว์ป่าพวกนั้นไปด้วย...
"ขอบคุณมากนะครับคุณหมีถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้พวกเราคงแย่แน่"
"กรร~!"
ถึงงั้นก็เถอะ...
"นี่ผิดจากสามัญสำนึกทั่วไปแล้วโว๊ยยยย~!!!"
เด็กหนุ่มถึงกับลุกขึ้นมาตระโกนดังๆจนลั่นออกไปข้างนอกถ้ำ เขาอึ้งมากที่ตนได้รับความช่วยเหลือจากหมีแถมยังได้ที่พักรวมทั้งอาหารจากพวกมันมาอีกเพียบ
กว่าจะไปถึงถ้ำก็ใช้เวลาจนพระอาทิตย์ตกและด้วยการประสานงานของเซนะที่สามารถสั่งเหล่าสัตว์ต่างๆรวมทั้งสามารถทำให้พวกมันเชื่องได้จึงไม่ยากที่จะก่อไฟและทำอาหาร
นอกจากนี้เขายังมีเสบียงเหลืออยู่อีกเพียบแถมยังได้สมุนไพรต่างๆมามากมายเพื่อรักษาบาดแผลของเซนะ
ความรู้ที่แทบจะไม่ได้ใช้เลยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้ถูกใช้ออกมายังเต็มที่จนตัวเขาเองก็ยังตกใจกับความสามารถของตน...
แล้วก็อีกอย่างที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดเลยก็คือ เซนะ เธอสามารถพูดคุยกับสัตว์ทั้งหลายได้อย่างไม่มีปัญหาและในตอนที่เดินทางมายังปากถ้ำเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายต่างก็พากันมายืนดูเธอเดินผ่านไปซึ่งไม่ต่างอะไรกับคนใหญ่คนโตที่เดินท่ามกลางสามัญชนทั่วไปเลย
ความสามารถที่สุดยอดแบบนี้เขายังไม่เคยได้ยินได้อ่านจากหนังสือเล่มไหนมาก่อนเลยรวมถึงทางอินเตอร์เน็ตด้วย
"นี่เซนะฉันขอถามตรงๆเลยนะเธอมีพลังอะไรกันแน่"
"ไม่มีนะ!?"
"งั้นสาเหตุที่สัตว์พวกนี้มันเชื่องล่ะมันคืออะไร!"
"นั่นจิ!?" เธอหันไปหาหมีที่ยืนอยู่ข้างๆ
"กรร~!"
"แล้วหันไปถามมันทำซากอาร๊ายยยย~!!!"
หลังจากที่กินอาหารที่ได้จากหมีตนนั้นอย่างอเร็ดอร่อยมันก็ได้เดินจากไปท่ามกลางสีหน้าบอกบุญไม่รับของมาโกโตะ
"โชคดีน้า~! กลับบ้านไปดูแล หลินคุงกับเจาคุงด้วยล่ะ!"
"มันเป็นหมีที่มาจากประเทศจีนงั้นหรอ.... เฮ้ย! งั้นเราก็อยู่ในประเทศจีนน่ะสิ!"
"ไม่ใช่หรอกๆ ที่นี่คือญี่ปุ่นครับ"
"แล้วไหงมีลูกชื่อนั้นอ่ะ~!?"
"เขาบอกว่ามีไอดอลเป็นหมีแพนด้าที่เป็นเอกลักษณ์จากประเทศจีนน่ะก็เลยตั้งลูกชื่อแบบจีนๆดู"
"สุดยอดไปเลยนะเจ้าหมีนั่น! ในหลายๆความหมาย"
"นั่นสิครับ"
เซนะได้มองด้านหลังของหมีตัวนั้นด้วยตาที่เปล่งประกายแบบสุดๆ
คงเพราะคืนนี้มีดวงดาวที่สดใสและสว่างไสวกว่าปกติจึงสะท้อนแสงเข้ากับดวงตาของเซนะจนเปล่งประกายถึงที่สุด
เขาสัมผัสได้เลยว่าในไม่ช้าเซนะอาจจะเป็นบุคคลสำคัญของโลกก็เป็นได้
สายตาของเด็กหนุ่มได้จับจ้องไปที่เซนะอย่างตาไม่กระพริบ บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มแห่งความดีใจผุดขึ้นมาก่อนจะหันหนีทันทีที่เซนะหันมา
"เมื่อกี้นี้มองผมอยู่อ่ะเปล่า???"
"เปล่าสักหน่อย~"
"งั้นหรอครับ.."
ในป่า สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ๆก็มีอยู่ด้วยกันสามอย่างหนึ่งในนั้นก็คือที่พัก
จริงอยู่ว่าที่พวกเราสามารถนอนได้โดยที่ไม่ต้องมีที่พักแต่ทว่านั่นก็ไม่ต่างอะไรกับแรงดึงดูดต่อเหล่าสัตว์ร้ายต่างๆที่เป็นภัยเพราะงั้นพวกคงต้องหาที่หลบภัยพร้อมกับเฝ้าระวังสัตว์ป่าพวกนั้นไปด้วย...
"ขอบคุณมากนะครับคุณหมีถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้พวกเราคงแย่แน่"
"กรร~!"
ถึงงั้นก็เถอะ...
"นี่ผิดจากสามัญสำนึกทั่วไปแล้วโว๊ยยยย~!!!"
เด็กหนุ่มถึงกับลุกขึ้นมาตระโกนดังๆจนลั่นออกไปข้างนอกถ้ำ เขาอึ้งมากที่ตนได้รับความช่วยเหลือจากหมีแถมยังได้ที่พักรวมทั้งอาหารจากพวกมันมาอีกเพียบ
กว่าจะไปถึงถ้ำก็ใช้เวลาจนพระอาทิตย์ตกและด้วยการประสานงานของเซนะที่สามารถสั่งเหล่าสัตว์ต่างๆรวมทั้งสามารถทำให้พวกมันเชื่องได้จึงไม่ยากที่จะก่อไฟและทำอาหาร
นอกจากนี้เขายังมีเสบียงเหลืออยู่อีกเพียบแถมยังได้สมุนไพรต่างๆมามากมายเพื่อรักษาบาดแผลของเซนะ
ความรู้ที่แทบจะไม่ได้ใช้เลยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้ถูกใช้ออกมายังเต็มที่จนตัวเขาเองก็ยังตกใจกับความสามารถของตน...
แล้วก็อีกอย่างที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดเลยก็คือ เซนะ เธอสามารถพูดคุยกับสัตว์ทั้งหลายได้อย่างไม่มีปัญหาและในตอนที่เดินทางมายังปากถ้ำเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายต่างก็พากันมายืนดูเธอเดินผ่านไปซึ่งไม่ต่างอะไรกับคนใหญ่คนโตที่เดินท่ามกลางสามัญชนทั่วไปเลย
ความสามารถที่สุดยอดแบบนี้เขายังไม่เคยได้ยินได้อ่านจากหนังสือเล่มไหนมาก่อนเลยรวมถึงทางอินเตอร์เน็ตด้วย
"นี่เซนะฉันขอถามตรงๆเลยนะเธอมีพลังอะไรกันแน่"
"ไม่มีนะ!?"
"งั้นสาเหตุที่สัตว์พวกนี้มันเชื่องล่ะมันคืออะไร!"
"นั่นจิ!?" เธอหันไปหาหมีที่ยืนอยู่ข้างๆ
"กรร~!"
"แล้วหันไปถามมันทำซากอาร๊ายยยย~!!!"
หลังจากที่กินอาหารที่ได้จากหมีตนนั้นอย่างอเร็ดอร่อยมันก็ได้เดินจากไปท่ามกลางสีหน้าบอกบุญไม่รับของมาโกโตะ
"โชคดีน้า~! กลับบ้านไปดูแล หลินคุงกับเจาคุงด้วยล่ะ!"
"มันเป็นหมีที่มาจากประเทศจีนงั้นหรอ.... เฮ้ย! งั้นเราก็อยู่ในประเทศจีนน่ะสิ!"
"ไม่ใช่หรอกๆ ที่นี่คือญี่ปุ่นครับ"
"แล้วไหงมีลูกชื่อนั้นอ่ะ~!?"
"เขาบอกว่ามีไอดอลเป็นหมีแพนด้าที่เป็นเอกลักษณ์จากประเทศจีนน่ะก็เลยตั้งลูกชื่อแบบจีนๆดู"
"สุดยอดไปเลยนะเจ้าหมีนั่น! ในหลายๆความหมาย"
"นั่นสิครับ"
เซนะได้มองด้านหลังของหมีตัวนั้นด้วยตาที่เปล่งประกายแบบสุดๆ
คงเพราะคืนนี้มีดวงดาวที่สดใสและสว่างไสวกว่าปกติจึงสะท้อนแสงเข้ากับดวงตาของเซนะจนเปล่งประกายถึงที่สุด
เขาสัมผัสได้เลยว่าในไม่ช้าเซนะอาจจะเป็นบุคคลสำคัญของโลกก็เป็นได้
สายตาของเด็กหนุ่มได้จับจ้องไปที่เซนะอย่างตาไม่กระพริบ บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มแห่งความดีใจผุดขึ้นมาก่อนจะหันหนีทันทีที่เซนะหันมา
"เมื่อกี้นี้มองผมอยู่อ่ะเปล่า???"
"เปล่าสักหน่อย~"
"งั้นหรอครับ.."
168
สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นตอนหลงป่าคือความวิตกกังวล ความกังวลที่จะไม่ได้ออกไปจากที่นี่ ความกังวลที่จะเจอกับภัยอันตรายภายในป่า ความกังวลต่างๆกำลังถาโถมเข้ามาหาเด็กหนุ่มอยู่เรื่อยๆ ทว่า...
มาโกโตะไม่ใช่เด็กที่จะกลัวเพราะกับเรื่องเพียงเท่านี้ ตัวเขาได้จัดการกับงูที่พุ่งเข้ามากัดอย่างง่ายดายรวมทั้งสู้กับหมีตัวที่ตนเดินตามรอยเท้ามาได้สำเร็จ ก่อนจะถูกล้อมเอาไว้ด้วยหมีนับสิบๆตัว
มันคือสถานการณ์แบบที่หนึ่งที่ออกจะเกินคาดไปหน่อยสำหรับเขา
"สรุปว่าเป็นกับดักอย่างไม่ต้องสังสัยเลยสินะ"
ด้วยความที่มาจากอนาคตเขาจึงเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอดีต ตัวเขาได้จัดการกับหมีเหล่านั้นโดยไม่ให้ถึงตายทั้งหมดก็เพื่อที่จะให้อนาคตไม่เปลี่ยนไปมากนัก
สมมุติว่าหมีพวกนี้กำลังจะรวมกลุ่มกันเพื่อโจมตีคนของหมู่บ้านใกล้ๆแล้วคนพวกนั้นจึงต้องย้ายไปยังในเมืองจนทำให้เมืองๆนั้นมีการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ถ้าหากเราฆ่ามันซะที่นี่ผู้คนในหมู่บ้านก็จะไม่ถูกโจมตีทำให้เมืองๆนั้นไม่ได้เติบโตขึ้นจนเป็นเหตุให้อนาคตเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเพราะงั้นการไม่ฆ่ามันจึงเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด
หมีตัวสุดท้ายได้ถูกไล่ต้อนจนยืนหลังติดกับกอไผ่ มันกำลังหวาดกลัวให้กับมาโกโตะที่สามารถเอาชนะพวกของมันนับสิบๆตัวลงไปได้อย่างรวดเร็ว
"กรร!"
"ไม่ต้องมากรรเลยอย่างน้อยๆฉันขออัดแกสักหมัดหน่อยเถอะ"
"แง๊~!!!" เสียงร้องของใครบางคนได้ดังขึ้นมาในป่าทั้งมาโกโตะและหมีจึงมองไปรอบๆ ทางฝั่งของมาโกโตะนั้นยังแยกไม่ออกว่าเสียงนั้นมาจากไหนจึงมองหันไปรอบๆอย่างไม่หยุด
เสียงนี้มันคนแน่ๆ แต่ดันมาใกล้กับที่ๆเรากำลังสู้กับหมีพวกนี้อีกแถมถ้าฟังดูจากเสียงมันฟังออกมาในแนวผู้ชายก็ได้ผู้หญิงก็ใช่แต่ยังไงกัตามเราต้องหยุดเจ้าหมีพวกนี้ไม่ให้ไปหาเขา! ก่อนที่จะคิดจบหมีตัวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ได้งับคอเสื้อของเขาแบบไม่ทันตั้งตัว อ่ะเร่ะ! ซวยแล้ว... เจ้าหมีตัวนั้นได้วิ่งไปทางต้นเสียงพร้อมกับคาบมาโกโตะไปด้วย ปล่อยช๊านนนน~!!!
"กรร~!!!"
"หน่อยแน่ถ้าแกยังไม่ปล่อยฉันไปรับรองแกได้เป็นซุปหมีในอาหารเย็นแน่ๆ!"
"กรร~!!!" หลังจากพูดจบหมีตัวนั้นก็ได้หยุดวิ่งก่อนจะเหวี่ยงร่างของมาโกโตะลอยขึ้นสู่ฟ้าอย่างสวยงาม...
"ดูมันทำ.. , แกน่ะแก~!!!!" ร่างของเขาค่อยๆตกลงมาจากความสูงที่ไม่มากนัก ก่อนจะหล่อนใส่ทับร่างของเจ้าของเสียงจนมีเสียงหลุดออกมา แอ๊ก!
ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นเขาก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดทันที เจ้าหมีนั่นเพราะว่ารู้พิกัดของเสียงคนจึงพาเรามาหาเขาก่อนจะโยนส่งออกมาเพื่อกันไม่ให้เขาเห็นมัน หากคนปกติเห็นหมีคงมีการช็อคไม่ก็กลัวอย่างแน่นอน
เพราะงั้นมันถึงต้องทำวิธีนี้เองสินะ... การคำนวณอย่างใจเย็นของเขาได้ใช้เวลาอยู่ช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะมีเสียงโอดครวญดังขึ้นมาจากข้างล่างตัวเขา
"หนักน้า~!"
"โอ๊ะ! โทษทีๆพอดีฉันคิดอะไรเพลินๆไปหน่อย"
เขาได้ลุกออกมาจากร่างของคนที่เขาทับและแน่นอนว่าคนๆนี้คือคนที่ร้องออกมาตอนที่เขากำลังสู้กับหมีอย่างแน่นอนเมื่อได้ฟังจากเสียงที่พวกเขาสนทนากัน
มือของเขาได้ยื่นมือมาให้กับคนที่ตนหล่นมาทับก่อนที่เขาคนนั้นจะจับมือที่ยื่นให้แล้วลุกขึ้นมา การสัมผัสมือ น้ำเสียง จึงทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นเด็กผู้หญิง ถึงแม้ว่าจะใส่ชุดของผู้ชายอยู่ก็ตามที
"ฉัน ชิราสากิ มาโกโตะ ยินดีที่ได้รู้จักแล้วเธอล่ะชื่ออะไร"
"ชิราสกิ เซนะ ถ้าหากว่าจำไม่ผิดน่ะนะ"
เด็กหนุ่มได้ทำหน้ามึนงงขึ้นมาทันทีที่ได้ฟัง มันไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสามารถหาคนที่พิเกียตามหาได้เร็วขนาดนี้ มันราวกับเรื่องเหลือเชื่อที่แทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย
สาวน้อยที่เข้าใจผิดในสีหน้าอันมึนงงนั้นจึงได้อธิบายต่อ
"คือแบบผมสูญเสียความทรงจำน่ะ แฮะๆๆ~!"
"อย่างนี้นี่เองฉันคิดว่ามันคงจะเป็นผลมาจากการต่อสู้อย่างแน่นอนเมื่อดูจากสภาพชุดของเธอ"
เขาได้มองมายังชุดที่เธอใส่ รอยขาดที่ได้จากของมีคมฟัน รอยเลือดที่ติดเต็มชุดไปหมด รองเท้าที่หายไป รอยแผลตามร่างกายนั้นอีกสิ่งเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของสมมุติฐานที่เขาตั้งขึ้นและมันก็มีโอกาศที่จะถูกกว่า 95%
เธอได้ยิ้มให้กับเด็กหนุ่ม
"ดูท่าว่าจะเป็นแบบนั้นแหละ"
"ในสถานการณ์แบบนี้ยังยิ้มได้อีกนะ"
"ไม่ได้หรอ~!?"
"มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้แต่ประเด็นหลักคือเราหลงป่าน่ะเข้าใจไหม"
"แล้วทำไมอ่ะ!?" เธอได้ทำหน้าตาเอ๋อๆออกมาซึ่งมันก็ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับเอามือก่ายหน้าทันที
เอ๋อ! ไม่ก็พวกติ้งต๊อง! ไม่ผิดแน่ ฉันพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพิเกียถึงเป็นห่วงขนาดหนัก
แค่มองเพียงแว๊บเดียวตัวเขาก็มองออกหมดทุกอย่างของสาวน้อย แต่ยังมีสิ่งนึงที่สงสัยมากสำหรับเขา
ถึงจะมองไม่เห็นแต่ตัวเขาก็สัมผัสได้ถึงมัน ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะชุดที่ขาดๆหรือรอยแผลตามตัวของเธอแต่มันก็ทำให้มีออร่าความเก่งกาจผุดขึ้นมาอยู่รอบๆ สิ่งนี้อยู่ในจุดที่เหนือยิ่งกว่าพลัง มันคือสิ่งที่ต้องใช้เวลาอย่างยาวนานเพื่อสั่งสมมันมา การต่อสู้อันนับไม่ถ้วน ความพ่ายแพ้หลายต่อหลายครั้ง ออร่านี้มันกำลังจะบอกถึงประสบการณ์ต่างๆของเธอ
สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นตอนหลงป่าคือความวิตกกังวล ความกังวลที่จะไม่ได้ออกไปจากที่นี่ ความกังวลที่จะเจอกับภัยอันตรายภายในป่า ความกังวลต่างๆกำลังถาโถมเข้ามาหาเด็กหนุ่มอยู่เรื่อยๆ ทว่า...
มาโกโตะไม่ใช่เด็กที่จะกลัวเพราะกับเรื่องเพียงเท่านี้ ตัวเขาได้จัดการกับงูที่พุ่งเข้ามากัดอย่างง่ายดายรวมทั้งสู้กับหมีตัวที่ตนเดินตามรอยเท้ามาได้สำเร็จ ก่อนจะถูกล้อมเอาไว้ด้วยหมีนับสิบๆตัว
มันคือสถานการณ์แบบที่หนึ่งที่ออกจะเกินคาดไปหน่อยสำหรับเขา
"สรุปว่าเป็นกับดักอย่างไม่ต้องสังสัยเลยสินะ"
ด้วยความที่มาจากอนาคตเขาจึงเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอดีต ตัวเขาได้จัดการกับหมีเหล่านั้นโดยไม่ให้ถึงตายทั้งหมดก็เพื่อที่จะให้อนาคตไม่เปลี่ยนไปมากนัก
สมมุติว่าหมีพวกนี้กำลังจะรวมกลุ่มกันเพื่อโจมตีคนของหมู่บ้านใกล้ๆแล้วคนพวกนั้นจึงต้องย้ายไปยังในเมืองจนทำให้เมืองๆนั้นมีการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ถ้าหากเราฆ่ามันซะที่นี่ผู้คนในหมู่บ้านก็จะไม่ถูกโจมตีทำให้เมืองๆนั้นไม่ได้เติบโตขึ้นจนเป็นเหตุให้อนาคตเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเพราะงั้นการไม่ฆ่ามันจึงเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด
หมีตัวสุดท้ายได้ถูกไล่ต้อนจนยืนหลังติดกับกอไผ่ มันกำลังหวาดกลัวให้กับมาโกโตะที่สามารถเอาชนะพวกของมันนับสิบๆตัวลงไปได้อย่างรวดเร็ว
"กรร!"
"ไม่ต้องมากรรเลยอย่างน้อยๆฉันขออัดแกสักหมัดหน่อยเถอะ"
"แง๊~!!!" เสียงร้องของใครบางคนได้ดังขึ้นมาในป่าทั้งมาโกโตะและหมีจึงมองไปรอบๆ ทางฝั่งของมาโกโตะนั้นยังแยกไม่ออกว่าเสียงนั้นมาจากไหนจึงมองหันไปรอบๆอย่างไม่หยุด
เสียงนี้มันคนแน่ๆ แต่ดันมาใกล้กับที่ๆเรากำลังสู้กับหมีพวกนี้อีกแถมถ้าฟังดูจากเสียงมันฟังออกมาในแนวผู้ชายก็ได้ผู้หญิงก็ใช่แต่ยังไงกัตามเราต้องหยุดเจ้าหมีพวกนี้ไม่ให้ไปหาเขา! ก่อนที่จะคิดจบหมีตัวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ได้งับคอเสื้อของเขาแบบไม่ทันตั้งตัว อ่ะเร่ะ! ซวยแล้ว... เจ้าหมีตัวนั้นได้วิ่งไปทางต้นเสียงพร้อมกับคาบมาโกโตะไปด้วย ปล่อยช๊านนนน~!!!
"กรร~!!!"
"หน่อยแน่ถ้าแกยังไม่ปล่อยฉันไปรับรองแกได้เป็นซุปหมีในอาหารเย็นแน่ๆ!"
"กรร~!!!" หลังจากพูดจบหมีตัวนั้นก็ได้หยุดวิ่งก่อนจะเหวี่ยงร่างของมาโกโตะลอยขึ้นสู่ฟ้าอย่างสวยงาม...
"ดูมันทำ.. , แกน่ะแก~!!!!" ร่างของเขาค่อยๆตกลงมาจากความสูงที่ไม่มากนัก ก่อนจะหล่อนใส่ทับร่างของเจ้าของเสียงจนมีเสียงหลุดออกมา แอ๊ก!
ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นเขาก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดทันที เจ้าหมีนั่นเพราะว่ารู้พิกัดของเสียงคนจึงพาเรามาหาเขาก่อนจะโยนส่งออกมาเพื่อกันไม่ให้เขาเห็นมัน หากคนปกติเห็นหมีคงมีการช็อคไม่ก็กลัวอย่างแน่นอน
เพราะงั้นมันถึงต้องทำวิธีนี้เองสินะ... การคำนวณอย่างใจเย็นของเขาได้ใช้เวลาอยู่ช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะมีเสียงโอดครวญดังขึ้นมาจากข้างล่างตัวเขา
"หนักน้า~!"
"โอ๊ะ! โทษทีๆพอดีฉันคิดอะไรเพลินๆไปหน่อย"
เขาได้ลุกออกมาจากร่างของคนที่เขาทับและแน่นอนว่าคนๆนี้คือคนที่ร้องออกมาตอนที่เขากำลังสู้กับหมีอย่างแน่นอนเมื่อได้ฟังจากเสียงที่พวกเขาสนทนากัน
มือของเขาได้ยื่นมือมาให้กับคนที่ตนหล่นมาทับก่อนที่เขาคนนั้นจะจับมือที่ยื่นให้แล้วลุกขึ้นมา การสัมผัสมือ น้ำเสียง จึงทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นเด็กผู้หญิง ถึงแม้ว่าจะใส่ชุดของผู้ชายอยู่ก็ตามที
"ฉัน ชิราสากิ มาโกโตะ ยินดีที่ได้รู้จักแล้วเธอล่ะชื่ออะไร"
"ชิราสกิ เซนะ ถ้าหากว่าจำไม่ผิดน่ะนะ"
เด็กหนุ่มได้ทำหน้ามึนงงขึ้นมาทันทีที่ได้ฟัง มันไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสามารถหาคนที่พิเกียตามหาได้เร็วขนาดนี้ มันราวกับเรื่องเหลือเชื่อที่แทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย
สาวน้อยที่เข้าใจผิดในสีหน้าอันมึนงงนั้นจึงได้อธิบายต่อ
"คือแบบผมสูญเสียความทรงจำน่ะ แฮะๆๆ~!"
"อย่างนี้นี่เองฉันคิดว่ามันคงจะเป็นผลมาจากการต่อสู้อย่างแน่นอนเมื่อดูจากสภาพชุดของเธอ"
เขาได้มองมายังชุดที่เธอใส่ รอยขาดที่ได้จากของมีคมฟัน รอยเลือดที่ติดเต็มชุดไปหมด รองเท้าที่หายไป รอยแผลตามร่างกายนั้นอีกสิ่งเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของสมมุติฐานที่เขาตั้งขึ้นและมันก็มีโอกาศที่จะถูกกว่า 95%
เธอได้ยิ้มให้กับเด็กหนุ่ม
"ดูท่าว่าจะเป็นแบบนั้นแหละ"
"ในสถานการณ์แบบนี้ยังยิ้มได้อีกนะ"
"ไม่ได้หรอ~!?"
"มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้แต่ประเด็นหลักคือเราหลงป่าน่ะเข้าใจไหม"
"แล้วทำไมอ่ะ!?" เธอได้ทำหน้าตาเอ๋อๆออกมาซึ่งมันก็ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับเอามือก่ายหน้าทันที
เอ๋อ! ไม่ก็พวกติ้งต๊อง! ไม่ผิดแน่ ฉันพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพิเกียถึงเป็นห่วงขนาดหนัก
แค่มองเพียงแว๊บเดียวตัวเขาก็มองออกหมดทุกอย่างของสาวน้อย แต่ยังมีสิ่งนึงที่สงสัยมากสำหรับเขา
ถึงจะมองไม่เห็นแต่ตัวเขาก็สัมผัสได้ถึงมัน ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะชุดที่ขาดๆหรือรอยแผลตามตัวของเธอแต่มันก็ทำให้มีออร่าความเก่งกาจผุดขึ้นมาอยู่รอบๆ สิ่งนี้อยู่ในจุดที่เหนือยิ่งกว่าพลัง มันคือสิ่งที่ต้องใช้เวลาอย่างยาวนานเพื่อสั่งสมมันมา การต่อสู้อันนับไม่ถ้วน ความพ่ายแพ้หลายต่อหลายครั้ง ออร่านี้มันกำลังจะบอกถึงประสบการณ์ต่างๆของเธอ
วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2561
167
นกน้อยได้เริ่มอธิบายจากข้างในตัวของมาโกโตะด้วยเสียงที่ดังกังวานไปมาอยู่ในหัว
...วิธีก็ง่ายๆคือฉันมอบสัญลักษณ์แสดงความเป็น master ของฉันให้กับนายเท่านี้นายกับฉันเราก็เป็น master และ duo ต่อจากนี้ฉันก็ทำการบังคับให้รวมร่างซึ่งนั่นจึงทำให้นายรอดตายมาได้ด้วยพลังชีวิตของฉันยังไงล่ะ!
...งั้นขอถามหน่อยว่าถ้าหากยกเลิกการรวมร่างกับนายฉันจะเป็นยังไง
...ในกรณีนี้นายก็จะตายยังไงล่ะ!
เด็กหนุ่มถึงกับเริ่มเครียดทันทีที่ได้ยิน ชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับนกน้อยตัวนี้จริงๆ แล้วถ้างั้นเขาควรจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ
เนื่องจากในตอนนี้ทั้งสองคนกำลังรวมร่างกันอยู่เพราะงั้นความคิดของมาโกโตะกับพิเกียจึงแชร์กัน เพราะงั้นพิเกียจึงรู้ความคิดของมาโกโตะทุกอย่าง
เจ้าตัวจึงพูดให้เด็กหนุ่มคลายความกังวล
ฟังนะ! ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่านายจะหายดีก็จริงอยู่ว่าร่างกายนายนั้นตายไปแล้วแต่ด้วยพลังของฉันกับช่วงเวลาที่เซลล์ในร่างกายของนายเริ่มหยุดทำงานมันเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานเพราะงั้นนายจึงยังมีโอกาสรักษาให้หายได้ เพราะในขณะที่ฉันกำลังรวมร่างอยู่กับนายร่างกายของนายจึงได้รับการรักษาไปด้วยแต่หากคุยกันแบบนี้สัก 10 ปีคงจะหายอ่ะเพราะงั้นฉันจะขอตัดขาดการติดต่อกับนายแล้วกันเจ้าหนู...
ฉันไม่ได้ชื่อว่าเจ้าหนูชื่อของฉันคือ มาโกโตะ
ชิราสากิ มาโกโตะ แล้วนายล่ะ!?
ฉันชื่อว่า พิเกีย นามสกุลนายเหมือนกับคนที่ฉันกำลังตามหาเปี๊ยบเลยนะมาโกโตะ
งั้นนายกำลังตามหาใครบอกฉันมาสิ ฉันจะช่วยนายตามหาเอง! ตัวเขาได้ถามสิ่งที่ไม่ควรจะถามไปเสียแล้ว และนี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนของเด็กหนุ่ม...
พิเกียสัมผัสได้ถึงจิตใจอันแรงกล้าที่อยากจะทำประโยชน์ให้กับตนผ่านทางกระแสจิต มันชั่งทำให้เขานึกถึงเรื่องของเพื่อนคนสนิท พ่อของเซนะนั้นเอง...
มีอยู่วันหนึ่งที่พ่อของเซนะกับพิเกียได้มานั่งดื่มสาเกกันบนดาดฟ้าซึ่งมีท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสวยๆงามๆ วันนั้นเป็นวันก่อนที่เซนะจะถือกำเนิดในอีก 7 วัน
และก็เป็นวันที่พวกเขาคิดชื่อให้กับเซนะด้วย
"จะว่าไปนายเองก็มีลูกแล้วนะจะตั้งชื่อเขาว่าอะไรดีล่ะ" นกน้อยได้หันไปถามเพื่อนสนิทขณะกำลังเมาๆอยู่
"แล้วถ้าเป็นนายจะตั้งชื่อว่าอะไรล่ะพิเกีย"
"ชิราสากิ สึกุมิ นี่แหละคือชื่อที่ฉันพอจะคิดออก"
ตัวเขานั้นได้คิดชื่อออกมาเล่นๆในขณะกำลังยกแก้วกระดกสาเกเข้าปาก
"งั้นก็เอาตามนั้น"
ปู๊ดดดดด~! พิเกียได้ถึงกับสำลักและสร่างเมาทันทีที่ได้ยินเพื่อนสนิทของตนพูดออกมาแบบนั้น มันทำให้เจ้าตัวโกรธมากกับนิสัยแบบนี้ของเขา
"เฮ้ย! นี่นายเป็นพ่อนะเพราะงั้นนายต้องเป็นคนตั้งชื่อเด็กคนนี้สิ"
"ฉันมีเหตุผลหลายๆอย่างเพราะงั้นนายนั่นแหละที่สมควรที่สุดในการตั้งชื่อให้กับเด็กคนนี้"
"นายนี่มันบ้าไปแล้ว~!"
"ใช่ๆฉันมันบ้าแต่ว่านะพิเกียคนตระกูลชิราสากิน่ะถึงจะเห็นเป็นพวกบ้าๆแต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วล่ะก็พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้เลยนะ... "
ตระกูลที่มีแต่ศูนย์รวมพวกบ้าๆ พิเกียได้ถึงกับยิ้มออกมาทันทีที่นึกถึงคำพูดในตอนนั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้วเขาจึงอยากจะเดิมพันดู
กับอนาคตบทใหม่ของพวกเขา!
ชิราสากิ เซนะ นี่คือชื่อของคนที่ฉันกำลังตามหาอยู่ยัยนี่หนีออกจากบ้านมาน่ะฝากตามหาให้ด้วยละกัน ไปล่ะ!
เข้าใจแล้ว!
ความรู้สึกของเขาสามารถรับได้ถึงคำว่าไปล่ะของพิเกียได้ทันทีคงเป็นเพราะอยู้ในสถานะที่รวมร่างกันอยู่จึงทำให้เขากับพิเกียมีอะไรต่อมิอะไรที่สามารถรับได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องบอก
ผลพวงที่ได้จากการรวมร่างมันยังไม่หมด เนื่องจากพิเกียต้องจำศีลเพื่อทำให้ร่างของมาโกโตะฟื้นตัวได้เต็มที่เพราะงั้นสิทธ์ในการใช้พลังจึงเป็นของมาโกโตะแบบเต็มรูปแบบ
พลังในตอนนี้ของมาโกโตะนั้นจึงมีพลังเพิ่มมากกว่าแต่ก่อนจนมีพลังใกล้เคียงกับขั้นอวตารเลยก็ว่าได้
ตัวเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีความกตัญญูเพราะงั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะตามหาเซนะซึ่งเป็นคนที่พิเกียกำลังตามหาอยู่
"พิเกียฉันจะตามหาคนที่ชื่อเซนะให้เจอให้ได้ต่อให้ฉันจะต้องเดินทางไปทั่วจักรวาลก็จะต้องตามหาเธอคนนั้นฉันสัญญา!"
ในหัวของเขาได้คิดถึงแผนการต่างๆรวมถึงแนวทางการหาคนโดยมีความคิดผุดออกมาแล้วกว่า 567 วิธี ชิราสากิ มาโกโตะ
เขาเป็นเด็กที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะกลับชาติมาเกิด
ตัวเขานั้นมีผมสีส้มตั้งตรงซึ่งได้มาจากพ่อเต็มๆ ส่วนสิ่งที่ได้มาจากทางแม่คือดวงตาสน้ำเงินที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีฟ้าแทน เขาสูญเสียพ่อไปตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็กๆทำให้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยแม่แท้ๆของตนซึ่งก็คือ ลิลิท แม่ของเธอไม่ต่างอะไรจากผู้นำของโลกในยุคนั้นเพราะงั้นลูกชายอย่างเขาจึงถูกคาดหวังเอาไว้อยู่ทุกวัน ต้องไร้ที่ติ ต้องไร้เทียมทาน!
ในระหว่างการสำรวจรอบๆป่านั้น ตัวเขาได้เลือกเดินไปตามทางที่มีรอยเท้าสัตว์ซึ่งวิธีแบบนี้มักจะใช้กันบ่อยมากในกลุ่มของเหล่าพรานนักล่า
หากเดินตรงไปเรื่อยก็มีโอกาสและตัวเลือกอยู่หลักๆสามตัวเลือก หนึ่งคือกับดัก! พวกสัตว์บางชนิดโดยเฉพาะหมีมักจะทำรอยเท้าแบบนี้เพื่อหลอกเราพรานนักล่าให้หลงไปอีกทางหากเป็นกรณีนี้เราคงจะยิ่งหลงกว่าเดิมแต่ก็นะตอนนี้เราก็หลงอยู่แล้วสถานการณ์คงจะไม่แย่ไปกว่านี้หรอกสองคือเจอกับที่อยู่ของพวกมันในกรณีนี้คือการพบที่อยู่อาศัยไม่ก็ฝูงของสัตว์ที่ทิ้งรอยเท้าเอาไว้ และสุดท้ายคือเจอกกับแหล่งน้ำขึ้นชื่อว่าสิ่งมีชีวิตหากขาดอาหารจะอยู่ได้หลายต่อหลายสัปดาห์ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างแต่ถ้าหากขาดน้ำแค่ 7 วันก็สามารถตายได้ทันทีและพวกสัตว์เองก็เช่นกัน.... การวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็นสิ่งนี้คือสิ่งที่ลิลิทแม่ของเขาสอนมา และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้มันจริงๆตัวเขาได้นึกขอบคุณความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาจากแม่ของตนก็วันนี้นี่แหละ
นกน้อยได้เริ่มอธิบายจากข้างในตัวของมาโกโตะด้วยเสียงที่ดังกังวานไปมาอยู่ในหัว
...วิธีก็ง่ายๆคือฉันมอบสัญลักษณ์แสดงความเป็น master ของฉันให้กับนายเท่านี้นายกับฉันเราก็เป็น master และ duo ต่อจากนี้ฉันก็ทำการบังคับให้รวมร่างซึ่งนั่นจึงทำให้นายรอดตายมาได้ด้วยพลังชีวิตของฉันยังไงล่ะ!
...งั้นขอถามหน่อยว่าถ้าหากยกเลิกการรวมร่างกับนายฉันจะเป็นยังไง
...ในกรณีนี้นายก็จะตายยังไงล่ะ!
เด็กหนุ่มถึงกับเริ่มเครียดทันทีที่ได้ยิน ชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับนกน้อยตัวนี้จริงๆ แล้วถ้างั้นเขาควรจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ
เนื่องจากในตอนนี้ทั้งสองคนกำลังรวมร่างกันอยู่เพราะงั้นความคิดของมาโกโตะกับพิเกียจึงแชร์กัน เพราะงั้นพิเกียจึงรู้ความคิดของมาโกโตะทุกอย่าง
เจ้าตัวจึงพูดให้เด็กหนุ่มคลายความกังวล
ฟังนะ! ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่านายจะหายดีก็จริงอยู่ว่าร่างกายนายนั้นตายไปแล้วแต่ด้วยพลังของฉันกับช่วงเวลาที่เซลล์ในร่างกายของนายเริ่มหยุดทำงานมันเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานเพราะงั้นนายจึงยังมีโอกาสรักษาให้หายได้ เพราะในขณะที่ฉันกำลังรวมร่างอยู่กับนายร่างกายของนายจึงได้รับการรักษาไปด้วยแต่หากคุยกันแบบนี้สัก 10 ปีคงจะหายอ่ะเพราะงั้นฉันจะขอตัดขาดการติดต่อกับนายแล้วกันเจ้าหนู...
ฉันไม่ได้ชื่อว่าเจ้าหนูชื่อของฉันคือ มาโกโตะ
ชิราสากิ มาโกโตะ แล้วนายล่ะ!?
ฉันชื่อว่า พิเกีย นามสกุลนายเหมือนกับคนที่ฉันกำลังตามหาเปี๊ยบเลยนะมาโกโตะ
งั้นนายกำลังตามหาใครบอกฉันมาสิ ฉันจะช่วยนายตามหาเอง! ตัวเขาได้ถามสิ่งที่ไม่ควรจะถามไปเสียแล้ว และนี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนของเด็กหนุ่ม...
พิเกียสัมผัสได้ถึงจิตใจอันแรงกล้าที่อยากจะทำประโยชน์ให้กับตนผ่านทางกระแสจิต มันชั่งทำให้เขานึกถึงเรื่องของเพื่อนคนสนิท พ่อของเซนะนั้นเอง...
มีอยู่วันหนึ่งที่พ่อของเซนะกับพิเกียได้มานั่งดื่มสาเกกันบนดาดฟ้าซึ่งมีท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสวยๆงามๆ วันนั้นเป็นวันก่อนที่เซนะจะถือกำเนิดในอีก 7 วัน
และก็เป็นวันที่พวกเขาคิดชื่อให้กับเซนะด้วย
"จะว่าไปนายเองก็มีลูกแล้วนะจะตั้งชื่อเขาว่าอะไรดีล่ะ" นกน้อยได้หันไปถามเพื่อนสนิทขณะกำลังเมาๆอยู่
"แล้วถ้าเป็นนายจะตั้งชื่อว่าอะไรล่ะพิเกีย"
"ชิราสากิ สึกุมิ นี่แหละคือชื่อที่ฉันพอจะคิดออก"
ตัวเขานั้นได้คิดชื่อออกมาเล่นๆในขณะกำลังยกแก้วกระดกสาเกเข้าปาก
"งั้นก็เอาตามนั้น"
ปู๊ดดดดด~! พิเกียได้ถึงกับสำลักและสร่างเมาทันทีที่ได้ยินเพื่อนสนิทของตนพูดออกมาแบบนั้น มันทำให้เจ้าตัวโกรธมากกับนิสัยแบบนี้ของเขา
"เฮ้ย! นี่นายเป็นพ่อนะเพราะงั้นนายต้องเป็นคนตั้งชื่อเด็กคนนี้สิ"
"ฉันมีเหตุผลหลายๆอย่างเพราะงั้นนายนั่นแหละที่สมควรที่สุดในการตั้งชื่อให้กับเด็กคนนี้"
"นายนี่มันบ้าไปแล้ว~!"
"ใช่ๆฉันมันบ้าแต่ว่านะพิเกียคนตระกูลชิราสากิน่ะถึงจะเห็นเป็นพวกบ้าๆแต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วล่ะก็พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้เลยนะ... "
ตระกูลที่มีแต่ศูนย์รวมพวกบ้าๆ พิเกียได้ถึงกับยิ้มออกมาทันทีที่นึกถึงคำพูดในตอนนั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้วเขาจึงอยากจะเดิมพันดู
กับอนาคตบทใหม่ของพวกเขา!
ชิราสากิ เซนะ นี่คือชื่อของคนที่ฉันกำลังตามหาอยู่ยัยนี่หนีออกจากบ้านมาน่ะฝากตามหาให้ด้วยละกัน ไปล่ะ!
เข้าใจแล้ว!
ความรู้สึกของเขาสามารถรับได้ถึงคำว่าไปล่ะของพิเกียได้ทันทีคงเป็นเพราะอยู้ในสถานะที่รวมร่างกันอยู่จึงทำให้เขากับพิเกียมีอะไรต่อมิอะไรที่สามารถรับได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องบอก
ผลพวงที่ได้จากการรวมร่างมันยังไม่หมด เนื่องจากพิเกียต้องจำศีลเพื่อทำให้ร่างของมาโกโตะฟื้นตัวได้เต็มที่เพราะงั้นสิทธ์ในการใช้พลังจึงเป็นของมาโกโตะแบบเต็มรูปแบบ
พลังในตอนนี้ของมาโกโตะนั้นจึงมีพลังเพิ่มมากกว่าแต่ก่อนจนมีพลังใกล้เคียงกับขั้นอวตารเลยก็ว่าได้
ตัวเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีความกตัญญูเพราะงั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะตามหาเซนะซึ่งเป็นคนที่พิเกียกำลังตามหาอยู่
"พิเกียฉันจะตามหาคนที่ชื่อเซนะให้เจอให้ได้ต่อให้ฉันจะต้องเดินทางไปทั่วจักรวาลก็จะต้องตามหาเธอคนนั้นฉันสัญญา!"
ในหัวของเขาได้คิดถึงแผนการต่างๆรวมถึงแนวทางการหาคนโดยมีความคิดผุดออกมาแล้วกว่า 567 วิธี ชิราสากิ มาโกโตะ
เขาเป็นเด็กที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะกลับชาติมาเกิด
ตัวเขานั้นมีผมสีส้มตั้งตรงซึ่งได้มาจากพ่อเต็มๆ ส่วนสิ่งที่ได้มาจากทางแม่คือดวงตาสน้ำเงินที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีฟ้าแทน เขาสูญเสียพ่อไปตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็กๆทำให้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยแม่แท้ๆของตนซึ่งก็คือ ลิลิท แม่ของเธอไม่ต่างอะไรจากผู้นำของโลกในยุคนั้นเพราะงั้นลูกชายอย่างเขาจึงถูกคาดหวังเอาไว้อยู่ทุกวัน ต้องไร้ที่ติ ต้องไร้เทียมทาน!
ในระหว่างการสำรวจรอบๆป่านั้น ตัวเขาได้เลือกเดินไปตามทางที่มีรอยเท้าสัตว์ซึ่งวิธีแบบนี้มักจะใช้กันบ่อยมากในกลุ่มของเหล่าพรานนักล่า
หากเดินตรงไปเรื่อยก็มีโอกาสและตัวเลือกอยู่หลักๆสามตัวเลือก หนึ่งคือกับดัก! พวกสัตว์บางชนิดโดยเฉพาะหมีมักจะทำรอยเท้าแบบนี้เพื่อหลอกเราพรานนักล่าให้หลงไปอีกทางหากเป็นกรณีนี้เราคงจะยิ่งหลงกว่าเดิมแต่ก็นะตอนนี้เราก็หลงอยู่แล้วสถานการณ์คงจะไม่แย่ไปกว่านี้หรอกสองคือเจอกับที่อยู่ของพวกมันในกรณีนี้คือการพบที่อยู่อาศัยไม่ก็ฝูงของสัตว์ที่ทิ้งรอยเท้าเอาไว้ และสุดท้ายคือเจอกกับแหล่งน้ำขึ้นชื่อว่าสิ่งมีชีวิตหากขาดอาหารจะอยู่ได้หลายต่อหลายสัปดาห์ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างแต่ถ้าหากขาดน้ำแค่ 7 วันก็สามารถตายได้ทันทีและพวกสัตว์เองก็เช่นกัน.... การวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็นสิ่งนี้คือสิ่งที่ลิลิทแม่ของเขาสอนมา และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้มันจริงๆตัวเขาได้นึกขอบคุณความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาจากแม่ของตนก็วันนี้นี่แหละ
วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561
166
ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อนที่เซนะจะลอยมาติดชายฝั่งที่ญี่ปุ่น ในวันนั้นเองมาโกโตะที่นั่งยานหนีข้ามมิติมาจนถึงยุคนี้ก็ได้เจอกับพายุมิติก่อนที่มันจะทำให้ยานที่มาโกโตะนั่งมาด้วยได้รับความเสียหายหนักมากจนเขาได้รับบาดเจ็บตามไปด้วย
โชคยังดีที่เขายังพอมีสติและสามารถวารป์มาโผล่ยังยุคเดียวกับเซนะโดยเป็นที่ญี่ปุ่นได้สำเร็จ
แต่แล้วสิ่งที่ไม่ทันคาดคิดก็ได้เกิดขึ้นเมื่ออยู่ๆยานของเขาก็ได้เกิดระเบิด ทำให้มาโกโตะนั้นถูกแรงระเบิดจนร่างนั้นปลิวไปจากจุดจอดยานหลายต่อหลายเมตร
ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัติจากการระเบิดครั้งนั้นจนไม่สามารถรอดมาได้อย่างแน่นอน สติของเขาเริ่มเลือนลางไปทีละนิดๆ
นี่เราจะตายแล้วอย่างนั้นหรอ.. จะตายไปทั้งๆแบบนี้เลยใช่ไหม ตัวเรายังไม่ได้ทำตามความฝันเลยนะ ยังอยากจะเล่น ยังอยากจะสนุกอยู่เลยแท้ๆ ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้จะขอบอกความรู้สึกจริงๆกับลูเมียไปสักก็ดี สาเหตุที่เราต้องหนีออกมาจากงานมั่นของเธอ นั่นก็เพราะว่าเรายังไม่อยากทำให้บรรยากาศแบบเดิมของพวกเราต้องเปลี่ยนแปลงไป พวกผู้ใหญ่รวมถึงแม่ของเราไม่รู้หรอกว่าพวกเราคิดยังไง พวกเขามักแต่จะคิดเลือกสิ่งที่ดีๆให้กับลูกของตนโดยไม่เคยถามพวกเราเลยว่าพวกเราพร้อมไหม แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างของเรา เราเพียงแค่... ไม่อยากจะฝืนใจของลูเมียก็เท่านั้น
ตัวเขาได้ชูมือข้างหนึ่งยื่นขึ้นมาในขณะที่กำลังจะตาย
เขาได้พยายามเค้นเสียงสุดท้ายออกมาก่อนจะสิ้นลมหายใจ
"ฉันยังไม่อยากตาย... "
"จัดไปอย่าให้เสีย~!"
ขนนกสีขาวได้ลอยลงมาตรงหน้าของเขา ท่ามกลางป่าอันเงียบสงบได้มีสิ่งที่เรียกว่าความหวังได้บินลงมาจากบนฟากฟ้า มันก็คือนกน้อยตัวเล็กสีขาวซึ่งก็คือพิเกียนั่นเอง
ห่ะ! นก!? ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเป็น duo ในรูปแบบของนกแต่เพราะเจอในสถานการณ์ใกล้ตายแบบนี้เขาจึงอดที่จะตกใจไม่ได้ซึ่งอย่างน้อยๆมันก็คือการตกใจครั้งสุดท้ายก่อนตาย
เขาได้ยิ้มให้กับนกตัวนั้นก่อนที่มือของเขาจะตกลงมาพร้อมกับสิ้นลมหายใจ...
ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวแต่อย่างใดแต่สิ่งที่ทุกคนมักจะหวาดกลัวนั่นก็คือ การจินตนาการถึงตอนที่ตัวเองตาย
จินตนาการถึงภาพการตาย
จินตนาการถึงความเจ็บปวด
จินตนาการถึงสิ่งเหล่านั้นจนหวาดกลัวกันไปเอง
ภายใต้ความมืดอันหนาวเหน็บที่เย็นยะเยือก จิตใจของเด็กหนุ่มกำลังร่องรอยไปมาอยู่แต่ในนั้น จิตใจที่กำลังครุ่นคิดอะไรเล่นๆไปมา
เราตายไปแล้ว... เราจะเป็นย้งไงต่อไปกันนะ...
สวรรค์ นรก แม่น้ำ เรือ สิ่งที่คนต่างๆพากันบอกมาในโลกแห่งความตายนี้จะมีจริงๆไหมนะ...
"เอาไว้นายตายจริงๆแล้วค่อยไปดูละกัน!"
ห่ะ! มาโกโตะได้รีบสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เขาตกใจมากที่ตัวเองตายไปแล้วแต่กับได้ยินเสียงของนกตัวนั้นอีก แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้าเพราะในตอนที่เขาตื่นขึ้นมาเขากับตกใจยิ่งกว่าเดิม ตัวเขาที่น่าจะตายไปแล้วกับรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
เด็กหนุ่มได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับทำสีหน้างงๆเมื่อได้ดูร่างของตนเอง ตัวเขาจำได้ว่าร่างกายของตนนั้นโดนระเบิดเข้าอย่างจังจนร่างกายนั้นเจ็บปวดจนชาด้านไปหมด ถึงแม้จะไม่สามารถมองเห็นสภาพร่างของตนเองได้แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าร่างกายของตนนั้นต้องมีเลือดไหลนอง สภาพดูไม่ได้ แต่ทว่ามันกลับน่าเหลือเชื่อเมื่อเขามองมายังร่างกายของตนเอง
ตัวเขาไม่มีเลือดหรือบาดแผลอะไรพวกนั้นเลยจะมีก็แต่เสื้อผ้าที่ขาดเพราะแรงระเบิดก็เท่านั้น
"นี่เรารอดมาได้เพราะเจ้า duo ที่เหมือนกับนกสินะ"
( ถั่วต้ม! )
เขาได้ตกใจให้กับเสียงของนกตัวนั้นก่อนจหันไปมองรอบๆแต่ก็ไม่พบร่างของมันเลยแม้แต่น้อย
มองหาไปก็เปล่าประโยชน์เพราะว่าฉันได้เข้ามาอยู่ในร่างของนายแล้วส่วนเสียงที่นายกำลังได้ยินอยู่นี้ก็คือเสียงที่มาจากข้างในหัวของนายยังไงล่ะ...
งั้นนายเข้าไปทำอะไรในร่างกายของฉันกัน!?
ช่วยชีวิตนายไงชัดยัง!
นี่นายทำได้ยังไงกัน!?
ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อนที่เซนะจะลอยมาติดชายฝั่งที่ญี่ปุ่น ในวันนั้นเองมาโกโตะที่นั่งยานหนีข้ามมิติมาจนถึงยุคนี้ก็ได้เจอกับพายุมิติก่อนที่มันจะทำให้ยานที่มาโกโตะนั่งมาด้วยได้รับความเสียหายหนักมากจนเขาได้รับบาดเจ็บตามไปด้วย
โชคยังดีที่เขายังพอมีสติและสามารถวารป์มาโผล่ยังยุคเดียวกับเซนะโดยเป็นที่ญี่ปุ่นได้สำเร็จ
แต่แล้วสิ่งที่ไม่ทันคาดคิดก็ได้เกิดขึ้นเมื่ออยู่ๆยานของเขาก็ได้เกิดระเบิด ทำให้มาโกโตะนั้นถูกแรงระเบิดจนร่างนั้นปลิวไปจากจุดจอดยานหลายต่อหลายเมตร
ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัติจากการระเบิดครั้งนั้นจนไม่สามารถรอดมาได้อย่างแน่นอน สติของเขาเริ่มเลือนลางไปทีละนิดๆ
นี่เราจะตายแล้วอย่างนั้นหรอ.. จะตายไปทั้งๆแบบนี้เลยใช่ไหม ตัวเรายังไม่ได้ทำตามความฝันเลยนะ ยังอยากจะเล่น ยังอยากจะสนุกอยู่เลยแท้ๆ ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้จะขอบอกความรู้สึกจริงๆกับลูเมียไปสักก็ดี สาเหตุที่เราต้องหนีออกมาจากงานมั่นของเธอ นั่นก็เพราะว่าเรายังไม่อยากทำให้บรรยากาศแบบเดิมของพวกเราต้องเปลี่ยนแปลงไป พวกผู้ใหญ่รวมถึงแม่ของเราไม่รู้หรอกว่าพวกเราคิดยังไง พวกเขามักแต่จะคิดเลือกสิ่งที่ดีๆให้กับลูกของตนโดยไม่เคยถามพวกเราเลยว่าพวกเราพร้อมไหม แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างของเรา เราเพียงแค่... ไม่อยากจะฝืนใจของลูเมียก็เท่านั้น
ตัวเขาได้ชูมือข้างหนึ่งยื่นขึ้นมาในขณะที่กำลังจะตาย
เขาได้พยายามเค้นเสียงสุดท้ายออกมาก่อนจะสิ้นลมหายใจ
"ฉันยังไม่อยากตาย... "
"จัดไปอย่าให้เสีย~!"
ขนนกสีขาวได้ลอยลงมาตรงหน้าของเขา ท่ามกลางป่าอันเงียบสงบได้มีสิ่งที่เรียกว่าความหวังได้บินลงมาจากบนฟากฟ้า มันก็คือนกน้อยตัวเล็กสีขาวซึ่งก็คือพิเกียนั่นเอง
ห่ะ! นก!? ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเป็น duo ในรูปแบบของนกแต่เพราะเจอในสถานการณ์ใกล้ตายแบบนี้เขาจึงอดที่จะตกใจไม่ได้ซึ่งอย่างน้อยๆมันก็คือการตกใจครั้งสุดท้ายก่อนตาย
เขาได้ยิ้มให้กับนกตัวนั้นก่อนที่มือของเขาจะตกลงมาพร้อมกับสิ้นลมหายใจ...
ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวแต่อย่างใดแต่สิ่งที่ทุกคนมักจะหวาดกลัวนั่นก็คือ การจินตนาการถึงตอนที่ตัวเองตาย
จินตนาการถึงภาพการตาย
จินตนาการถึงความเจ็บปวด
จินตนาการถึงสิ่งเหล่านั้นจนหวาดกลัวกันไปเอง
ภายใต้ความมืดอันหนาวเหน็บที่เย็นยะเยือก จิตใจของเด็กหนุ่มกำลังร่องรอยไปมาอยู่แต่ในนั้น จิตใจที่กำลังครุ่นคิดอะไรเล่นๆไปมา
เราตายไปแล้ว... เราจะเป็นย้งไงต่อไปกันนะ...
สวรรค์ นรก แม่น้ำ เรือ สิ่งที่คนต่างๆพากันบอกมาในโลกแห่งความตายนี้จะมีจริงๆไหมนะ...
"เอาไว้นายตายจริงๆแล้วค่อยไปดูละกัน!"
ห่ะ! มาโกโตะได้รีบสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เขาตกใจมากที่ตัวเองตายไปแล้วแต่กับได้ยินเสียงของนกตัวนั้นอีก แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้าเพราะในตอนที่เขาตื่นขึ้นมาเขากับตกใจยิ่งกว่าเดิม ตัวเขาที่น่าจะตายไปแล้วกับรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
เด็กหนุ่มได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับทำสีหน้างงๆเมื่อได้ดูร่างของตนเอง ตัวเขาจำได้ว่าร่างกายของตนนั้นโดนระเบิดเข้าอย่างจังจนร่างกายนั้นเจ็บปวดจนชาด้านไปหมด ถึงแม้จะไม่สามารถมองเห็นสภาพร่างของตนเองได้แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าร่างกายของตนนั้นต้องมีเลือดไหลนอง สภาพดูไม่ได้ แต่ทว่ามันกลับน่าเหลือเชื่อเมื่อเขามองมายังร่างกายของตนเอง
ตัวเขาไม่มีเลือดหรือบาดแผลอะไรพวกนั้นเลยจะมีก็แต่เสื้อผ้าที่ขาดเพราะแรงระเบิดก็เท่านั้น
"นี่เรารอดมาได้เพราะเจ้า duo ที่เหมือนกับนกสินะ"
( ถั่วต้ม! )
เขาได้ตกใจให้กับเสียงของนกตัวนั้นก่อนจหันไปมองรอบๆแต่ก็ไม่พบร่างของมันเลยแม้แต่น้อย
มองหาไปก็เปล่าประโยชน์เพราะว่าฉันได้เข้ามาอยู่ในร่างของนายแล้วส่วนเสียงที่นายกำลังได้ยินอยู่นี้ก็คือเสียงที่มาจากข้างในหัวของนายยังไงล่ะ...
งั้นนายเข้าไปทำอะไรในร่างกายของฉันกัน!?
ช่วยชีวิตนายไงชัดยัง!
นี่นายทำได้ยังไงกัน!?
165
กระแสลมได้เริ่มมารวมกันที่ร่างของซิกเรื่อยๆ พลังของเขาเองก็เริ่มเพิ่มพูนขึ้นเช่นเดียวกัน มันแตกต่างจากตอนของเซนะนิดหน่อยตรงที่พลังนี้ได้ออกมาจากภายในตัวของซิกส์เองโดยตรง
เรเพียร์ก็พอจะเดาได้แล้วว่าผลมันจะต้องออกมาเป็นเช่นนี้ เหล่าคนปริศนาเองก็เช่นกันพวกเขาได้จับจ้องวินาทีที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้อย่างจดจ่อ
สาวน้อยข้างๆชายหนุ่มจึงถามขึ้นมา
"นี่นายพอจะรู้ผลอยู่แล้วใช่ไหมกลียุค"
"ใช่ฉันรู้แต่ฉันก็คงไม่มีสิทธิจะเข้าไปยุ่งกับการแข่งรมถึงเธอด้วยทิวา"
"งั้นจะรอดูเขาถูกเล่นงานอย่างนั้นหรอ!?"
"ใช่! ฉันจะรอดู!"
"เฮ้ย!" เธอถึงกับอุทานใส่นายแว่นด้านข้างทันที
"นี่นายจะบ้าหรือไงนายลืมหน้าที่ของพวกเราไปแล้วหรอ!"
"แล้วเธอลืมไปแล้วหรือว่าเขาสั่งอะไรพวกเราไว้"
"อึ่กกก.!"
ทิวาได้หันกลับมานึกถึงคำสั่งสุดท้ายก่อนที่จะจากกับนายของตนไป
ทุกคนจงฟังต่อจากนี้หากไม่มีคำสั่งจากฉันห้ามทุกคนทำตามใจชอบโดยเด็ดขาดเพราะนี่อาจจะทำให้ความทรงจำอันแสนสนุกของผมต้องพังลงไปก็ได้... คำพูดนั้นของเขาได้พูดไปด้วยพลางยิ้มไปด้วย เขาเป็นชายที่เธอชื่นชมมากมายจนไม่อยากจะอยู่ห่างกายแต่เพราะเขาเปรียบได้กับนกที่บินไปทุกที่อย่างอิสระเธอจึงไม่สามารถวิ่งตามเขาไปทุกที่ได้
นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนในที่นั้นรู้กันดีที่สุด
ทิวาจึงได้มองกลับมายังบนลานประลองอีกครั้ง
"ฉันหวังว่าหัวหน้าของเราคงจะไม่ปล่อยให้เขาตายหรอกนะ"
"นั่นสิ.. ฉันก็หวังเอาไว้แบบนั้นอยู่เหมือนกัน"
( แค่นิดนึงน่ะนะ... )
กระแสลมที่มารวมตัวกันที่ซิกอยู่จุดเดียวได้สลายหายไปก่อนจะปรากฏร่างใหม่ของซิกขึ้นมา
อวตารคือพลังที่อยู่เหนือไปอีกขั้นของการรวมร่าง เดิมที duo กับ master ต้องมีทั้งสองอย่างนี้ถึงจะสามารถรวมร่างกันได้แต่อวตารนั้นไม่ต้องนั่นก็เพราะว่า master ได้กลืนกินพลังของ duo เข้าไปแล้ว
รูปร่างแบบนั้น...
หน้าตาแบบนั้น...
เราจำได้แล้ว~!!!
ในวันนั้น ณ วันแห่งจุดเริ่มต้นของเรากับมาโกโตะคุง
และก็เป็นช่วงเวลาที่เราได้เจอกับซิก...
หลังจากที่ถูกพัดมาติดฝั่งจากศึกของราชันย์เราก็ได้ลอยมาถึงที่ญี่ปุ่น ตัวเราที่ไร้ซึ่งความทรงจำเพราะเหตุการณ์ในช่วงของซิกฟรีดได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแบบงงๆ
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครหรือต้องทำอะไร ชีวิตของเราในตอนนั้นไม่ต่างอะไรกับเมื่อห้าปีก่อนที่เราได้พบกับโซเฟียที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ แต่ถึงจะไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้นแต่หากอยู่แบบนั้นต่อไปก็คงจะไม่ได้การ ตัวเราจึงลุกขึ้นเดินเข้าป่าไปอย่างไร้จุดหมาย
ในช่วงเวลานั้นตัวเราหัวโล่งไปหมด
ไม่มีทั้งสถานที่ที่ต้องกลับไป ไม่มีทั้งครอบครัวที่ต้องไปหา ไม่มีเพื่อนๆที่เป็นที่พึ่งให้ ไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น
แล้วตัวเราจะมีชีวิตอยู่ไปทำไมกันล่ะ!?
คำถามนี้ได้วิ่งวนไปมาอยู่ในหัวแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบอะไรได้เลยสักอย่างแถมยังทำให้ใช้พลังงานความคิดไปโดยไม่ใช่เหตุ
จ๊อก จ๊อก~ เสียงท้องได้ดังลั่นขึ้นมาอย่างน่าอาย
มันดังสักจนสาวน้อยถึงกับลนลานกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินถึงแม้ว่าตอนนี้อยากจะได้คนมาช่วยแท้ๆ
สภาพของเธอเองก็โทรมไปหมด ถึงแม้จะแต่งตัวเป็นผู้ชายอยู่ก็ตามแต่เธอในตอนนี้แทบจะมีสภาพไม่ต่างกับคนจนๆที่เร่ร่อนไปมา เสื้อมีสภาพขาดหลุดรุ่ยในส่วนของชายเสื้อกับส่วนของปลายของแขนเสื้อ ที่กางเกงเองก็ขาดหลุดรุ่ยจนสภาพไม่ต่างกับเสื้อเลยแม้แต่น้อย ผมเองก็ดูยุ่งๆไปหมด ร่างกายเองก็มีบาดแผลอยู่ตามตัวโดยยังรู้สึกเจ็บๆอยู่
จ๊อก จ๊อก~ เสียงท้องร้องของเธอได้ดังขึ้นมาอีกครั้งโดยครั้งนี้มันร้องนานกว่าปกติทำเอาเธอถึงกับหน้าแดงฉ่าไปหมด
"แง๊~ อย่าร้องจิเดี๋ยวก็มีคนมาได้ยินหรอก!"
เธอได้เอาหัวโขกกับลำต้นของไม้ไผ่หลายต่อหลายทีเพื่อระงับอารมณ์ทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ผลมันกลับทำให้ท้องร้องยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีกราวกับกำลังประชดเธออยู่เลย....
กระแสลมได้เริ่มมารวมกันที่ร่างของซิกเรื่อยๆ พลังของเขาเองก็เริ่มเพิ่มพูนขึ้นเช่นเดียวกัน มันแตกต่างจากตอนของเซนะนิดหน่อยตรงที่พลังนี้ได้ออกมาจากภายในตัวของซิกส์เองโดยตรง
เรเพียร์ก็พอจะเดาได้แล้วว่าผลมันจะต้องออกมาเป็นเช่นนี้ เหล่าคนปริศนาเองก็เช่นกันพวกเขาได้จับจ้องวินาทีที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้อย่างจดจ่อ
สาวน้อยข้างๆชายหนุ่มจึงถามขึ้นมา
"นี่นายพอจะรู้ผลอยู่แล้วใช่ไหมกลียุค"
"ใช่ฉันรู้แต่ฉันก็คงไม่มีสิทธิจะเข้าไปยุ่งกับการแข่งรมถึงเธอด้วยทิวา"
"งั้นจะรอดูเขาถูกเล่นงานอย่างนั้นหรอ!?"
"ใช่! ฉันจะรอดู!"
"เฮ้ย!" เธอถึงกับอุทานใส่นายแว่นด้านข้างทันที
"นี่นายจะบ้าหรือไงนายลืมหน้าที่ของพวกเราไปแล้วหรอ!"
"แล้วเธอลืมไปแล้วหรือว่าเขาสั่งอะไรพวกเราไว้"
"อึ่กกก.!"
ทิวาได้หันกลับมานึกถึงคำสั่งสุดท้ายก่อนที่จะจากกับนายของตนไป
ทุกคนจงฟังต่อจากนี้หากไม่มีคำสั่งจากฉันห้ามทุกคนทำตามใจชอบโดยเด็ดขาดเพราะนี่อาจจะทำให้ความทรงจำอันแสนสนุกของผมต้องพังลงไปก็ได้... คำพูดนั้นของเขาได้พูดไปด้วยพลางยิ้มไปด้วย เขาเป็นชายที่เธอชื่นชมมากมายจนไม่อยากจะอยู่ห่างกายแต่เพราะเขาเปรียบได้กับนกที่บินไปทุกที่อย่างอิสระเธอจึงไม่สามารถวิ่งตามเขาไปทุกที่ได้
นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนในที่นั้นรู้กันดีที่สุด
ทิวาจึงได้มองกลับมายังบนลานประลองอีกครั้ง
"ฉันหวังว่าหัวหน้าของเราคงจะไม่ปล่อยให้เขาตายหรอกนะ"
"นั่นสิ.. ฉันก็หวังเอาไว้แบบนั้นอยู่เหมือนกัน"
( แค่นิดนึงน่ะนะ... )
กระแสลมที่มารวมตัวกันที่ซิกอยู่จุดเดียวได้สลายหายไปก่อนจะปรากฏร่างใหม่ของซิกขึ้นมา
อวตารคือพลังที่อยู่เหนือไปอีกขั้นของการรวมร่าง เดิมที duo กับ master ต้องมีทั้งสองอย่างนี้ถึงจะสามารถรวมร่างกันได้แต่อวตารนั้นไม่ต้องนั่นก็เพราะว่า master ได้กลืนกินพลังของ duo เข้าไปแล้ว
รูปร่างแบบนั้น...
หน้าตาแบบนั้น...
เราจำได้แล้ว~!!!
ในวันนั้น ณ วันแห่งจุดเริ่มต้นของเรากับมาโกโตะคุง
และก็เป็นช่วงเวลาที่เราได้เจอกับซิก...
หลังจากที่ถูกพัดมาติดฝั่งจากศึกของราชันย์เราก็ได้ลอยมาถึงที่ญี่ปุ่น ตัวเราที่ไร้ซึ่งความทรงจำเพราะเหตุการณ์ในช่วงของซิกฟรีดได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแบบงงๆ
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครหรือต้องทำอะไร ชีวิตของเราในตอนนั้นไม่ต่างอะไรกับเมื่อห้าปีก่อนที่เราได้พบกับโซเฟียที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ แต่ถึงจะไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้นแต่หากอยู่แบบนั้นต่อไปก็คงจะไม่ได้การ ตัวเราจึงลุกขึ้นเดินเข้าป่าไปอย่างไร้จุดหมาย
ในช่วงเวลานั้นตัวเราหัวโล่งไปหมด
ไม่มีทั้งสถานที่ที่ต้องกลับไป ไม่มีทั้งครอบครัวที่ต้องไปหา ไม่มีเพื่อนๆที่เป็นที่พึ่งให้ ไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น
แล้วตัวเราจะมีชีวิตอยู่ไปทำไมกันล่ะ!?
คำถามนี้ได้วิ่งวนไปมาอยู่ในหัวแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบอะไรได้เลยสักอย่างแถมยังทำให้ใช้พลังงานความคิดไปโดยไม่ใช่เหตุ
จ๊อก จ๊อก~ เสียงท้องได้ดังลั่นขึ้นมาอย่างน่าอาย
มันดังสักจนสาวน้อยถึงกับลนลานกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินถึงแม้ว่าตอนนี้อยากจะได้คนมาช่วยแท้ๆ
สภาพของเธอเองก็โทรมไปหมด ถึงแม้จะแต่งตัวเป็นผู้ชายอยู่ก็ตามแต่เธอในตอนนี้แทบจะมีสภาพไม่ต่างกับคนจนๆที่เร่ร่อนไปมา เสื้อมีสภาพขาดหลุดรุ่ยในส่วนของชายเสื้อกับส่วนของปลายของแขนเสื้อ ที่กางเกงเองก็ขาดหลุดรุ่ยจนสภาพไม่ต่างกับเสื้อเลยแม้แต่น้อย ผมเองก็ดูยุ่งๆไปหมด ร่างกายเองก็มีบาดแผลอยู่ตามตัวโดยยังรู้สึกเจ็บๆอยู่
จ๊อก จ๊อก~ เสียงท้องร้องของเธอได้ดังขึ้นมาอีกครั้งโดยครั้งนี้มันร้องนานกว่าปกติทำเอาเธอถึงกับหน้าแดงฉ่าไปหมด
"แง๊~ อย่าร้องจิเดี๋ยวก็มีคนมาได้ยินหรอก!"
เธอได้เอาหัวโขกกับลำต้นของไม้ไผ่หลายต่อหลายทีเพื่อระงับอารมณ์ทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ผลมันกลับทำให้ท้องร้องยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีกราวกับกำลังประชดเธออยู่เลย....
164
"บ้าที่สุดดด~!"
การฟันนี้ได้ฟาดใส่มายังร่างของซิกแบบจังๆโดยได้มีเสาแสงสีม่วงพุ่งตามลงมาใส่ร่างของซิกส์จากบนฟากฟ้า
ท่าพิเศษที่สามารถทำลายได้ทุกเขตอาคมหรือบาเรียต่างๆ
ความจริงแล้วท่านี้มันควรจะใช้เฉพาะทางของมันแต่ความเป็นจริงยิ่งกว่าคือท่านี้ไม่ได้เป็นท่าที่มีคุณสมบัติแบบที่ทุกคนรู้กันแต่อย่างใดและท่านี้ก็ไม่ใช่ท่าเฉพาะทางอีกด้วย
ความจริงในความจริงอีกทีก็คือ..
ท่านี้เป็นหนึ่งในท่าที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุดซึ่งมีพลังที่ทัดเทียมหรือไม่ก็มากกว่าท่า อินโฟโน่เวฟ ได้เลย โดยเป็นท่าที่มีข้อจำกัดอยู่อย่างเดียวคือต้องเล่นงานเป้าหมายเพียงหนึ่งอย่างโดยเฉพาะเจาะจงเท่านั้น
มันจึงไม่เหมาะแก่การต่อสู้เป็นหมู่ และเพราะทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนี้จึงทำให้เซนะแทบจะไม่ค่อยอยากที่จะใช้ท่านี้สักเท่าไหร่ และอีกหนึ่งในเหตุผลนึงที่ทำให้เธอไม่อยากใช้มันเข้าไปอีกก็เพราะว่าหากมีใครโดนมันแบบจังๆอาจจะมีสิทธิตายได้ในทันที
คุณสมบัติที่แท้จริงของท่านี้คือการทำลายล้างอย่างแท้จริงหรือก็คือ การลบให้หายไป
โดยส่วนมากนั้นทุกคนจะเห็นแต่การต่อสู้ในแบบที่ใช้พลังเข้าปะทะแต่ท่านี้คือการลบล้างให้หายไปโดยมันจะทำให้เป้าหมายหายไปจริงๆหากมีพลังต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
แต่หากรอดมาจากท่านี้มาได้ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนๆทั้งนั้น ร่างกายก็จะสูญเสียพลังไปชั่วขณะและมีแผลตามตัวเกิดขึ้นมามากมายอันเนื่องมาจากการที่รอดมาได้
และสิ่งที่ซิกกำลังเจออยู่ก็คือผลลัพธ์จากหนึ่งในสองตัวเลือกนั้น!
"อ๊ากกกกกก~ หนอยแน่แก~!!!!" ภายในเสาแสงสีม่วงที่มีร่างของซิกอยู่นั้นร่างกายของเขากำลังค่อยๆถูกลบหายลงไปทีละนิดๆ ดวงตาของเขาปริ้นออกมานิดนึงพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากลูกตาจำนวนมาก ตรงส่วนของแผลที่มีรอยเปิดอยู่นั้นได้ฉีกกระชากออกจนดูน่าสยดสยอง เลือดที่กระเซ็นออกมาได้กระเด็นไปติดบนใบหน้าของเซนะ
เสียงโหยหวนได้ดังออกมาเรื่อยๆจากในนั้น
ความเจ็บนี้มันได้ไปกระตุ้นให้ความอยากฆ่าของซิกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
"ข้าจะฆ่าแกชิราสากิ เซนะ~!!!!"
เสียงของเขาได้ดังลั่นออกมาจากในเสาแสงนั่น
ดวงตาของมันเบิกกว้างขึ้นมาเพื่อจับจ้องร่างของเซนะที่กำลังคุมพลังของท่านี้เอาไว้อยู่
ความแค้น ความโกรธ ความเจ็บปวด ทั้งสามอย่างนี้ได้พุ่งเป้าไปที่เซนะคนเดียว จิตใจที่มุ่งมั่นจะฆ่าเซนะให้ได้นั้นมันได้เริ่มมีผลทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น
"อ๊ากกกกกกกก~!!!"
วู๊บบบ~ ผลจากท่านี้ได้ทำหมดลงไปในไม่กี่วินาทีต่อมา ผลลัพธ์ของมันไม่ได้ทำให้ซิกหายไป กำลังใจของเขานั้นเป็นตัวกระตุ้นให้พลังของเขาเพิ่มมากขึ้น
แต่ความเสียหายที่ได้รับก็สาหัติเอาการ
ร่างของเขาได้ชุ่มไปด้วยเลือดทั่วทั้งร่าง บาดแผลได้เปิดออกมาอย่างน่าสยดสยองชวนอ๊วก ผิวหนังฉีกขาดออกไปหลายต่อหลายจุดจนเปิดให้เห็นเนื้อข้างในได้อย่างชัดเจน เกราะทั้งหมดหรือไอเทมต่างๆที่ติดตัวมาของเขาได้ถูกทำลายลงไปจนหมดสิ้น
ในตอนนี้เขาเหลือเพียงแค่ตัวเปล่าๆที่อาการบาดเจ็บสาหัติจนดูราวกับศพ
แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้เขาตายได้
ตัวเขาได้ลุกขึ้นเดินมาหาเซนะที่อาการเริ่มไม่ดีขึ้นทุกที ออร่าสีทองของเขาค่อยๆหายไปเรื่อยๆ
"แกเป็นคนที่สองต่อจากมาโกโตะที่ทำให้ข้าสาหัติได้ขนาดนี้"
สายตาของเขามองมาที่เซนะที่ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นโดยเริ่มมีอาการหอบขึ้นเรื่อยๆ
"แต่ท่าเทียบกันแล้วเจ้านั่นยังเหนือกว่าแกอีกหลายต่อหลายขุมนัก"
"แฮ่ก แฮ่ก.. "
ลมหายใจของเซนะมันเริ่มถี่ขึ้นอีก
"ดูท่าพลังที่แกได้มาจะหายไปแล้วสินะ และดูเหมือนว่ามันจะมาถึงขีดจำกัดของร่างกายของแกด้วยแล้วสิ" เขาสามารถมองเซนะผ่านทางตาที่บาดเจ็บได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เซนะในตอนนี้ได้สูญเสียพลังที่จะต่อกรกับซิกออกไปหมดแล้ว...
สาวน้อยได้กัดปากมองขึ้นมาเพื่อประเชินกับความจริงเบื้องหน้าโดยใช้มือข้างหนึ่งกำเสื้อตรงหัวใจไว้แน่นมาก
"ถูก ต้อง.. แฮ่ก แฮ่ก... "
"ดูท่าแกจะทรมาณนะ"
"สภาพของนายเอง.. ก็ไม่ต่างกัน หรอก!"
"ปากดีแบบนี้สงสัยอยากตายเร็วๆสินะ ข้าจะบอกอะไรเอาไว้อย่างก่อนจะจากกัน ข้ายังไม่ได้เอาจริง!"
ว่าไงนะ! คำนี้ได้ทำให้เซนะถึงกับตาค้าง เธอคิดว่าอย่างน้อยๆก็สามารถสู้ได้อย่างสูสีแล้วแท้ๆ แต่เธอกับคิดผิด!
สีหน้าของซิกได้มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างสะใจ
"ก่อนจะจากกันข้าจะให้เจ้าได้เห็นเอง ถึงพลังของข้าที่เจ้ายังมิอาจทำให้ข้าต้องใช้มัน"
"บ้าที่สุดดด~!"
การฟันนี้ได้ฟาดใส่มายังร่างของซิกแบบจังๆโดยได้มีเสาแสงสีม่วงพุ่งตามลงมาใส่ร่างของซิกส์จากบนฟากฟ้า
ท่าพิเศษที่สามารถทำลายได้ทุกเขตอาคมหรือบาเรียต่างๆ
ความจริงแล้วท่านี้มันควรจะใช้เฉพาะทางของมันแต่ความเป็นจริงยิ่งกว่าคือท่านี้ไม่ได้เป็นท่าที่มีคุณสมบัติแบบที่ทุกคนรู้กันแต่อย่างใดและท่านี้ก็ไม่ใช่ท่าเฉพาะทางอีกด้วย
ความจริงในความจริงอีกทีก็คือ..
ท่านี้เป็นหนึ่งในท่าที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุดซึ่งมีพลังที่ทัดเทียมหรือไม่ก็มากกว่าท่า อินโฟโน่เวฟ ได้เลย โดยเป็นท่าที่มีข้อจำกัดอยู่อย่างเดียวคือต้องเล่นงานเป้าหมายเพียงหนึ่งอย่างโดยเฉพาะเจาะจงเท่านั้น
มันจึงไม่เหมาะแก่การต่อสู้เป็นหมู่ และเพราะทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนี้จึงทำให้เซนะแทบจะไม่ค่อยอยากที่จะใช้ท่านี้สักเท่าไหร่ และอีกหนึ่งในเหตุผลนึงที่ทำให้เธอไม่อยากใช้มันเข้าไปอีกก็เพราะว่าหากมีใครโดนมันแบบจังๆอาจจะมีสิทธิตายได้ในทันที
คุณสมบัติที่แท้จริงของท่านี้คือการทำลายล้างอย่างแท้จริงหรือก็คือ การลบให้หายไป
โดยส่วนมากนั้นทุกคนจะเห็นแต่การต่อสู้ในแบบที่ใช้พลังเข้าปะทะแต่ท่านี้คือการลบล้างให้หายไปโดยมันจะทำให้เป้าหมายหายไปจริงๆหากมีพลังต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
แต่หากรอดมาจากท่านี้มาได้ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนๆทั้งนั้น ร่างกายก็จะสูญเสียพลังไปชั่วขณะและมีแผลตามตัวเกิดขึ้นมามากมายอันเนื่องมาจากการที่รอดมาได้
และสิ่งที่ซิกกำลังเจออยู่ก็คือผลลัพธ์จากหนึ่งในสองตัวเลือกนั้น!
"อ๊ากกกกกก~ หนอยแน่แก~!!!!" ภายในเสาแสงสีม่วงที่มีร่างของซิกอยู่นั้นร่างกายของเขากำลังค่อยๆถูกลบหายลงไปทีละนิดๆ ดวงตาของเขาปริ้นออกมานิดนึงพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากลูกตาจำนวนมาก ตรงส่วนของแผลที่มีรอยเปิดอยู่นั้นได้ฉีกกระชากออกจนดูน่าสยดสยอง เลือดที่กระเซ็นออกมาได้กระเด็นไปติดบนใบหน้าของเซนะ
เสียงโหยหวนได้ดังออกมาเรื่อยๆจากในนั้น
ความเจ็บนี้มันได้ไปกระตุ้นให้ความอยากฆ่าของซิกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
"ข้าจะฆ่าแกชิราสากิ เซนะ~!!!!"
เสียงของเขาได้ดังลั่นออกมาจากในเสาแสงนั่น
ดวงตาของมันเบิกกว้างขึ้นมาเพื่อจับจ้องร่างของเซนะที่กำลังคุมพลังของท่านี้เอาไว้อยู่
ความแค้น ความโกรธ ความเจ็บปวด ทั้งสามอย่างนี้ได้พุ่งเป้าไปที่เซนะคนเดียว จิตใจที่มุ่งมั่นจะฆ่าเซนะให้ได้นั้นมันได้เริ่มมีผลทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น
"อ๊ากกกกกกกก~!!!"
วู๊บบบ~ ผลจากท่านี้ได้ทำหมดลงไปในไม่กี่วินาทีต่อมา ผลลัพธ์ของมันไม่ได้ทำให้ซิกหายไป กำลังใจของเขานั้นเป็นตัวกระตุ้นให้พลังของเขาเพิ่มมากขึ้น
แต่ความเสียหายที่ได้รับก็สาหัติเอาการ
ร่างของเขาได้ชุ่มไปด้วยเลือดทั่วทั้งร่าง บาดแผลได้เปิดออกมาอย่างน่าสยดสยองชวนอ๊วก ผิวหนังฉีกขาดออกไปหลายต่อหลายจุดจนเปิดให้เห็นเนื้อข้างในได้อย่างชัดเจน เกราะทั้งหมดหรือไอเทมต่างๆที่ติดตัวมาของเขาได้ถูกทำลายลงไปจนหมดสิ้น
ในตอนนี้เขาเหลือเพียงแค่ตัวเปล่าๆที่อาการบาดเจ็บสาหัติจนดูราวกับศพ
แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้เขาตายได้
ตัวเขาได้ลุกขึ้นเดินมาหาเซนะที่อาการเริ่มไม่ดีขึ้นทุกที ออร่าสีทองของเขาค่อยๆหายไปเรื่อยๆ
"แกเป็นคนที่สองต่อจากมาโกโตะที่ทำให้ข้าสาหัติได้ขนาดนี้"
สายตาของเขามองมาที่เซนะที่ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นโดยเริ่มมีอาการหอบขึ้นเรื่อยๆ
"แต่ท่าเทียบกันแล้วเจ้านั่นยังเหนือกว่าแกอีกหลายต่อหลายขุมนัก"
"แฮ่ก แฮ่ก.. "
ลมหายใจของเซนะมันเริ่มถี่ขึ้นอีก
"ดูท่าพลังที่แกได้มาจะหายไปแล้วสินะ และดูเหมือนว่ามันจะมาถึงขีดจำกัดของร่างกายของแกด้วยแล้วสิ" เขาสามารถมองเซนะผ่านทางตาที่บาดเจ็บได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เซนะในตอนนี้ได้สูญเสียพลังที่จะต่อกรกับซิกออกไปหมดแล้ว...
สาวน้อยได้กัดปากมองขึ้นมาเพื่อประเชินกับความจริงเบื้องหน้าโดยใช้มือข้างหนึ่งกำเสื้อตรงหัวใจไว้แน่นมาก
"ถูก ต้อง.. แฮ่ก แฮ่ก... "
"ดูท่าแกจะทรมาณนะ"
"สภาพของนายเอง.. ก็ไม่ต่างกัน หรอก!"
"ปากดีแบบนี้สงสัยอยากตายเร็วๆสินะ ข้าจะบอกอะไรเอาไว้อย่างก่อนจะจากกัน ข้ายังไม่ได้เอาจริง!"
ว่าไงนะ! คำนี้ได้ทำให้เซนะถึงกับตาค้าง เธอคิดว่าอย่างน้อยๆก็สามารถสู้ได้อย่างสูสีแล้วแท้ๆ แต่เธอกับคิดผิด!
สีหน้าของซิกได้มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างสะใจ
"ก่อนจะจากกันข้าจะให้เจ้าได้เห็นเอง ถึงพลังของข้าที่เจ้ายังมิอาจทำให้ข้าต้องใช้มัน"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)