วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ตอนที่ 78 EVO

         
                           Darklord องค์กรณ์มืดที่หวังจะปกครองทั้งจักรวาลในอดีตจวบจนตอนนี้พวกเขาก็ยังรอคอยคำสั่งจากผู้เป็นหัวหน้าอยู่ตลอดเวลาและ Lightlord ก็คือองค์กรณ์ที่คอยขัดขวางพวกเขาโดยผู้นำของพวกเขามีชื่อว่า คานาเลีย เธอเป็นทั้งเจ้าหญิงและเป็นผู้นำทัพต่อสู้กับ darklord โดยผู้นำของมันก็คือ ซิริอุส ชายที่ชั่วร้ายที่สุดในทุกๆจักรวาล ซิริอุส เขาเคยเป็นผู้นำทัพอันเกรียงไกรเข้าปกครองจักรวาลแต่ก็ถูก คานาเลีย หยุดเอาไว้ได้แต่นั่นก็ไม่ทำให้ darklord ล่มสลายลงกลับกันทางด้านของ lightlord กับสูญเสียกำลังพลไปอย่างมหาศาล และในตอนนี้พวกมันก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยสัญญานของการเปิดสงครามได้เริ่มต้นขึ้นจากการปรากฏตัวของ เฮเลน่า รองขุนพลของ darklord ผู้ซึ่งปรากฏตัวออกมาตอนศึกของโวเฟียกับเซนะ หลังจากการปรากฏตัวของเธอจักรวาลก็เริ่มปั่นป่วนโดยเหล่า darklord ได้บุกทำลายกองกำลังของ lightlord ตามแต่ละจักรวาล
                           เดิมที lightlord ก็เกิดจากการรวมตัวกันของตัวแทนของจักรวาลเพื่ิอสร้างเป็นองค์กรณ์นี้ขึ้นมาโดยมีเป้าหมายเพื่อคอยดูแลความสงบของโลกซึ่งก็ไม่ต่างจากตำรวจโดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จักรวาลที่หนึ่งซึ่งจักรวาลนี้คือจักรวาลที่แข็งแกร่งที่สุดตามชื่อ องค์กรณ์ศูนย์กลางที่ทำหน้าที่บริหารจัดการซึ่งขึ้นตรงต่อคานาเลียมีชื่อว่า องค์กรณ์โลก โดยมีเหล่าสมาชิกในสภาคอยบริหารอยู่เพียงแค่สิบคน ไม่นับรวมหัวหน้า
                           ท่ามกลางการประชุมที่เริ่มจะตึงเครียดผู้เฒ่าที่ไว้หนวดเครายาวสุดได้ทำการนั่งคิดไปมาอยู่หลายรอบพร้อมกับมองไปทางผู้บริหารคนอื่นๆที่ตอนนี้เริ่มมีปากเถียงกันซะแล้ว ก่อนจะเอามือมาก่ายหน้าผากแล้วเอียงหูฟัง
                           ชายรูปร่างกำยำผมสีดำนามว่า ไซโอ ได้เอามือทุบโต๊ะพร้อมกับแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา

                           ''นี่คือการเริ่มต้นของสงครามพวกเราควรจะจัดตั้งหน่วยค้นหาแล้วรีบตามหาที่มั่นของพวกมันโดยเร็ว'' ยังไม่ทันคาดขำหญิงสาวผมน้ำตาลยาวนัยตาสีเขียวนามว่า อีจีฟ ก็ได้พูดขึ้น ''แต่ดิฉันคิดว่าการฟื้นฟูจะต้องทำก่อนนะคะ''

                           ''หากไม่ทำให้มั่นคงครั้งต่อไปที่พวกเขาบุกมาอีกก็จะเป็นจุดจบขององค์กรณ์ได้''

                           ''ฉันขอค้านความคิดของเธอจะได้ไหมอีจีฟ'' อยู่ๆชายหนุ่มสวนฮู๊ดปิดบังใบหน้าที่นั่งตรงกันข้ามกับเธอก็ได้พูดขึ้นทำให้ทั้งโต๊ะประชุมหันมาสนใจเขากันหมด อีจีฟเองก็ได้เงียบลงไปเพื่อรอฟังความคิดเห็นของเขาอย่างว่าง่าย  เชิญว่ามาเลยค่ะ

                           ''เวน่อม''

                           ''ฉันคิดว่าความคิดของเธอนั้นก็ดีแต่ว่าฉันคิดว่าความคิดของไซโอก็ไม่เลว อีกอย่างเธอเคยได้ยินคำนี้ไหม การโจมตีคือการป้องกันที่ดีที่สุด''

                           ''คุณก็ยังคงเอาแต่ใช้ความคิดง่ายๆเหมือนเด็กๆเลยนะคะ ก็จริงอยู่ที่ว่าความคิดของคุณนั้นถูกอยู่แต่นั่นมันก็เอาไว้ใช้กับในกรณีที่กองกำลังเราสมบูรณ์ดีกว่านะคะ''

                           ''พอดีว่าฉันมันโง่เพราะงั้นช่วยขยายความให้ทีจะได้ไหม''
                           ก่อนที่อีจีฟจะเริ่มพูดขึ้นเด็กสาวดวงตาสีแดงผมสีทองซึ่งเป็นสายเลือดของแวมไพร์ชั้นสูงก็ได้ชิงตัดหน้าเธอพูดไปเสียแล้ว

                            ''นายก็ลองคิดเล่นๆสิว่าหากใช้ตัวเลขเปรียบเทียบเป็นจำนวน 100 แล้วตอนนี้ถูกเก็บไปแล้ว 50 เหลืออีก 50 หากแบ่งกำลังออกไปตามหาครึ่งนึงนั้นก็คือ 25 แล้วอีกฝ่ายกำลังมี 100 เต็มเปี่ยม ถึงจะหาฐานที่มั่นศัตรูเจออย่างน้อยที่สุดก็ไม่น่าจะมีใครเหลือดรอดกลับมา นายพอจะเข้าใจไหมเวน่อม''

                            ''แจ่มแจ้งเลยป้าอีคริฟ''

                            ''ระวังตอนนอนให้ดีเจ้าหนูเวน่อม'' อีคริฟถึงจะเห็นเป็นเด็กอายุ 13 แต่อายุจริงๆปาไปหลักร้อยแล้วเพราะงั้นเธอจึงถือได้ว่ามีอายุมากที่สุดในสภาแห่งนี้เลยก็ว่าได้ เวน่อมจึงได้ใช้จุดนั้นแซวเธอได้แบบไม่ยั้ง แต่ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังจะระเบิดพลังเพื่อสู้กัน สองคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆจึงปลดปล่อยพลังที่เหนือกว่านั้นออกมา

                           ''เวน่อมนายเลิกแหย่อีคริฟได้แล้ว''

                           ''เบลเซ่...'' เขาได้หันไปมองชายผู้ซึ่งสวมชุดคลุมสีน้ำเงินสายตาคมดุจเหยี่ยวผมสีฟ้าที่กำลังมองมาทางนี้ทำเอาเจ้าตัวถึงกับเหงื่อตกราวกับหนูที่ถูกเหยี่ยวจ้อง

                           ''อีคริฟเธอก็อยู่มานานยังจะใช้อารมณ์แบบเด็กๆอยู่อีกนะ''

                           ''ไกอา...''เธอได้หันไปมองแท็บสีฟ้าซึ่งนั่นก็คือไกอาซึ่งตัวจริงนั้นเป็นปริศนามีเพียงแต่ชื่อของเขาเท่านั้นที่ทุกคนรู้โดยทุกครั้งที่เริ่มการประชุมก็จะมีแท็บนี้โผล่ขึ้นมาทุกครั้งและไกอาก็จะพูดผ่านสิ่งนี้ ตัวตนของเขาไม่มีใครทราบจนต้องตั้งสมมุติฐานกันเอาเองว่าเขาเป็นผู้ชายโคตรเท่เนื่องจากสันนิษฐานจากเสียง   
                            ทั้งสองที่ถูกตักเตือนจึงนั่งลงอย่างไม่สบอารมณ์
                            ในตอนนี้อีกสี่คนที่นั่งอยู่เงียบๆมาโดยตลอดก็เริ่มพูดขึ้น
                         
                            ''หมดเรื่องสนุกสักแล้วแฮะ''ชายผู้มืดมนได้พูดพร้อมกับหมุนเก้าอี้ไปมา

                            ''แล้วนายจะหมุนเก้าอี้ทำไมมิทราบ J (joker)''

                            ''เสือกจังเลย บารอน''ชายหนุ่มสวมหมวกถือคถายังคงยิ้มกริบไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากที่โดน j ต่อว่าเอา คงเพราะเขายังสงบได้แบบนี้จึงทำให้ บารอน ได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม แต่ก็มีอีกคนที่รับไม่ได้กับคำพูดแบบนั้นของ j
                            เขาคนนั้นก็คือ แอสเตอร์ คนที่สวมฮู้ดสีขาวปิดบังตัวตนอย่างมิดชิด

                            ''ฉันอยากจะรู้จริงใครเลือกนายมา j ''

                            ''ใครกันน้อ.... ''
                           
                            ''จะใครก็ช่างแต่พวกเราถูกรับเลือกมาแล้วเพราะงั้นพวกเราต้องทำหน้าทีนี้อย่าเต็มที่''
                            ชายสวมชุดเกราะสีขาวจรดเท้าได้พูดขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยพลังออกมา พลังนั้นได้ทำให้บรรยากาศหนักแน่นจนคนอื่นๆนอกจากระดับผู้บริหารถึงกับสลบ ต่อจากนั้นผู้เฒ่าผู้ซึ่งมีอำนาจใหญ่ที่สุดก็ได้เริ่มพูดขึ้นมาบ้าง

                            ''ฉันเข้าใจในความหมายที่นายอยากจะสื่อแต่ช่วยระงับพลังหน่อยจะได้ไหม บิยอน''

                            ''ต้องขออภัยด้วยท่านโอดิน''ตัวเขาได้รีบสะกดพลังและใจเย็นลงในทันที

                            ''ฉันเข้าใจสิ่งที่พวกเธออยากจะสื่อหมดนั่นแหละแล้วฉันก็พอจะได้ข้อสรุปเรื่องนึงที่ต้องทำก่อนเป็นอันดับแรกแล้ว''

                            ''อะไรหรอคะ''

                            ''ถ้าไม่สนุกฉันขอผ่าน''

                            '' j สักวันฉันจะฆ่านาย''

                            ''ใจเย็นๆไว้ก่อนแอสเตอร์''

                            ''พวกผู้ชายทำไมชอบเป็นแบบนี้กันจังเนาะเวน่อม''

                            ''ไม่ต้องมาเนาะเลยป้า''

                            ''เงียบๆหน่อยเจ้าพวกเด็กบ้า''

                            ด้วยคำพูดของเขาเพียงแค่ประโยคเดียวห้องประชุมก็ได้กลับมาเงียบอีกครั้ง โอดิน ชายคนนี้ในอดีตตอนสมัยหนุ่มๆเคยเป็นถึงชายที่ทุกคนกล่าวขานกันว่าแข็งแกร่งที่สุดก่อนที่ซิริอุสจะเกิดขึ้นมาเสียอีก ถึงแม้จะแก่ลงไปจนอายุเข้าขั้นหลักร้อยแต่ถึงอย่างนั้นพลังของเขาก็ยังคงทรงพลังอยู่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
                            และแล้วเมื่อทุกอย่างเงียบลงโอดีนจึงได้พูดต่อ


                            ''เราต้องหาสมาชิกเพิ่ม''
                                                                   

 
                           พระอาทิตย์เริ่มฉายแสงท่ามกลางบรรยากาหมอกควันยามเช้า ปีกสีขาวได้โผบินลงมาในเมืองชิโอมิ หลังจากการหายไปของเขาทำให้เซนะต้องขาดเพื่อนคุยไปและแล้วในที่สุดเขาก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าอันไม่ค่อยสู้ดีเสียเท่าไหร่ นกน้อยได้บินร่อนลงมายังเด็กสาวที่ตอนนี้อยู่ในคราบของเด็กชายก่อนจะปรากฏตัวตรงหน้าทำเอาเด็กสาวดีใจมากจนพุ่งเข้าไปเพื่อหวังจะกอดนกน้อยตนนั้น

                           ''พิเกีย  แอ่ก'' ก่อนจะถูกบาทาอัดหน้าเข้าให้ ''เมื่อไหร่เธอจะเลิกขี้แงฟ่ะ'' หลังจากถูกถีบคว่ำเซนะก็รีบตั้งสติลุกขึ้นมาถามพิเกียที่ตอนนี้ดูเศร้าๆ

                           ''เป็นอะไรไปหรอ หน้าตาดูเศร้าๆอยู่เลยนะ''

                           ''ขอโทษนะ.... ''

                           ''ถ้าเรื่องที่โดนถีบไม่ต้องไปใส่ใจมันหรอก ฉันโดนถีบจนชินแล้วอ่ะ''

                           ''เปล่ามันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก...''

                           ''แล้วเรื่องอะไรอ่ะ?''

                           ''ฉันบอกเธอตอนนี้ไม่ได้อ่ะ บอกไปก็มีแต่จะทำให้เธอวี๊ดว๊ากเปล่าๆ'' จบจากตรงนั้นเธอรู้ว่าไม่ควรถามต่อจึงจับร่างของพิเกียเข้ามากอด งั้นฉันจะไม่ถามต่อแล้วล่ะ

                           ''เอาไว้สักวันท่าพิเกียอยากเล่าก็มาเล่าได้เลยนะ''

                           ''ก็เอาตามนั้นละกัน'' พิเกียเชื่อฟังคำพูดของเซนะอย่างง่ายดาย คงเป็นเพราะว่าเซนะในตอนนี้ช่างดูอ่อนโยนราวกับนางฟ้ามากๆเจ้าตัวจังทำการซุกอกเซนะอย่างว่าง่าย อันที่จริงถ้าหากเป็นเซนะในเวอร์ชั่นผู้หญิงก็คงจะดีกว่านี้ พิเกียได้แต่คิดแบบนั้นอยู่แต่ภายในใจโดยได้แต่จินตนาการเอาเองว่านี่คือหน้าอกสุดยิ่งใหญ่ที่เจ้าตัวซุกอกนอนอยู่ทุกวัน กลิ่นหอมที่ชวนให้เคลิ้มจากร่างกายของเธอ คำพูดอันแสนวิเศษราวกับน้างฟ้า แค่คิดถึงเซนะเวอร์ชั่นนั้นก็ทำเอาพิเกียถึงกับน้ำลายสอแล้ว  ....ทำไมเราช่างคิดอกุศลกับเซนะขนาดนี้นะขืนปล่อยไว้ฉันคงควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่แหงมๆ.... คิดได้แบบนั้นพิเกียจึงหยุดเอาหน้าซุกอกพร้อมกับกระพือปีกออกจากอ้อมกอดของเซนะ
                           ตอนที่พิเกียกระพือปีกบินออกจากอ้อมกอดของตนไปเซนะก็ได้ทำหน้าเสียดายขึ้นมาทันที แต่เมื่อพิเกียหันมาเซนะก็ได้รีบเปลี่ยนสีหน้าให้ไวทำเอาใครหลายคนรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย

                           ''จะว่าไปช่วงที่ฉันไม่อยู่ถูกแมวตัวไหนรังแกมาบ้างเปล่า''

                           ''ไม่มีนะว่าแต่ถามทำไมอ่ะ''

                           ''ก็ถ้ามีเดี๋ยวฉันจะอาสาไปอัดมันเอง''

                           (นักเลงแท้)

                            เซนะได้แต่ยิ้มเจื่อนๆให้กับพิเกียก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปโรงเรียนกันตั้งแต่เช้าตรู่






























                         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น